ร่วมแชร์นิยาย ให้กำลังใจนักเขียนกันเถอะ =D
ชายหนุ่มรับร่างบางลงสู่อ้อมกอด
จับใบหน้างามเชยขึ้นอีกครั้งก็รู้ได้ทันทีว่าเธอสลบไปแล้ว จะด้วยพิษไข้หรือพิษรัก แต่ตอนนี้เธอก็อยู่ในอ้อมกอดของเขาและจะไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆอย่างแน่นอน
“อะไรกัน ยังไม่ทันทำอะไรเลยนะ” ชายหนุ่มทำเป็นบ่นอุบอิบ แต่ใบหน้ายิ้มกริ่ม
อย่างพอใจ
ช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแล้วพาขึ้นรถมุ่งตรงไปยังที่พักของตัวเอง
จับที่หน้าผากบางรู้สึกได้ถึงความร้อนของร่างกาย หญิงสาวที่นอนหนุนตักเขากำลังซมพิษไข้
มองดูร่างบางด้วยแววตาห่วงใย
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคงทำให้เธอคิดมาก และการทำงานหนักคงทำให้ร่างกายของเธอรับไม่ไหว
ร่างบางที่ไร้สติของหญิงสาวถูกกระชับเข้าสู่อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
หญิงสาวซุกใบหน้าเข้าหาไออุ่นจากกายของเขาอย่างไม่รู้ตัว
แสงตะวันสาดส่องเข้ามายังห้องนอนสุดหรูในห้องพักตากอากาศริมทะเลแสนงาม
รติยาค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆเมื่อยล้าไปทั่วทั้งร่างกาย
งานหนักเมื่อวานทำให้เธอแทบจะหมดแรงตั้งแต่ออกจากร้าน ไหนจะพิษไข้ที่เพิ่งจะดีขึ้น
กระพริบตาถี่ๆมองดูเพดานห้องนอนที่ไม่คุ้นตา
โคมไฟแสนสวยระย้าประดับอยู่กลางห้องผุดลุกขึ้นยืนนั่งตัวตรงแล้วมองไปรอบๆกาย
เตียงกว้างขนาดหกฟุตผ้าปูที่นอนแสนนุ่มผ้าห่มแสนสวย ข้าวของสุดหรู กว้างใหญ่ราวกับตึกทั้งตึกของเธอที่เช่าอยู่ก็ไม่ปาน
หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนตัวตรงหมุนกายไปรอบๆ อ้าปากค้ามึนงงและสับสนเริ่มทบทวนความทรงจำที่เกิดขึ้น
ชายคนนั้น
คังฮีราฟ อาหารรสเลิศ จูบแสนหวาน แล้วเธอก็หมดสติไป ฟางก้มมองดูตัวเองทันทีเห็นตัวเองอยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่ๆ
ภายในเปลือยเปล่าก็ใจหายวาบด้วยความตกใจ ยกมือขึ้นปิดตัวเองรู้สึกน้ำตาตกและโกรธแค้นคนที่ทำแบบนี้กับเธอ
“ทำเป็นตกใจไปได้ฉันไม่ทำอะไรคนป่วยหรอก” เสียงคุ้นหูของชายหนุ่มคนเดิมที่ทำให้เธอเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้น
รติยาหันขวับไปหาเจ้าของเสียงทันที เห็นเขากำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ที่เก้าอี้ปรับนอนริมหน้าต่าง
พร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้วในชุดลำลองสบายๆ
แต่ที่แปลกตาไปก็ดูเหมือนจะเป็นหน้าตาของเขาสะอาดสะอ้าน ไม่มีเครื่องสำอางหนาเตอะปกปิดอยู่เหมือนทุกครั้งทำให้เห็นใบหน้าที่อ่อนวัยจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนๆเดียวกัน
“นี่ราฟเหรอ”
หญิงสาวเดินเข้าหาชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตาเขาดูอายุพอๆกับเธอด้วยซ้ำ
ผิวหน้าก็เนียนสวยราวกับผู้หญิง ดวงตาที่ไม่ถูกเขียนให้เข็มดูน่าหลงใหลกว่าตอนแต่งหน้ามากมายนัก
ริมฝีปากสวยสีชมพูดูดีมีชีวิตชีวา เส้นเลือดฝาดแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนสุขภาพผิวดีจริงๆ
แต่พอแต่งหน้าเข้าไปดูไม่ออกเลยว่าเขาอายุเท่าไรกันแน่
“ใช่ ทำไมเหรอ คิดว่าสุดหล่อของเธอ มาโกโตะ
ไค รึไง” ราฟยิ้มออกมาแบบเขินๆ น้อยคนนักที่จะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้เธอเห็นเขานัก อาจเป็นเพราะเธอหลงใหลในใบหน้าอ่อนใสของมาโกโตะไค
ทำให้เขาอิจฉาอยากให้เธอหลงใหลในใบหน้าที่แท้จริงของเขาบ้างก็ได้
“ชิ นายเทียบไม่ได้กับเขาหรอก อย่าพยายามเลย”
ฟางโกหกที่จริงใบหน้าของเขาทำเอาเธอใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ยิ่งกว่าได้เห็นสุดหล่อของเธอทางทีวีซะอีก
“ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน”
“ที่พักส่วนตัวริมทะเลของบริษัท” ชายหนุ่มพูดเนิบๆ เดินเข้ามาหาหญิงสาวพร้อมกับส่งหนังสือพิมพ์ให้กับเธอ
แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ได้สนใจปัดมือไม่รับหนังสือพิมพ์ที่เขาส่งให้
“ที่พักส่วนตัวเหรอ” รติยาพยักหน้ามองดูรอบๆ แล้วหันไปเห็นชายทะเลแสนสวยก็ตกใจ
หันไปต่อว่าชายหนุ่มเป็นการใหญ่
“ทะเล แย่แล้วฉันต้องทำงานนะ พาฉันมาที่นี่ทำไม
นายมันโรคจิตเอาแต่ใจที่สุดเลย”
“โอ๊ย...ยัยเสียงสิบแปดหลอดเรื่องนั้นนะไม่ต้องห่วงหรอก
ฉันให้คนจัดการแล้ว กลับไปเมื่อไรเธอไปทำงานได้เหมือนเดิม”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นอุดหูทำหน้าแหย่เกหนวกหูเสียงของหญิงสาวอย่างสุดจะทน
“แล้วนายคิดเหรอว่าการที่ได้กลับไปทำงานอย่างเดียวฉันจะพอใจ
รู้ไหม ฉันขาดงานแบบนี้เงินทองก็ขาดไปด้วย ฉันจะเอาที่ไหนใช้ล่ะไหนจะค่าเรียน ค่าห้อง
ส่งให้แม่อีก ฉันไม่ใช่ลูกคนรวยอย่างนายนะ ที่จะเสวยสุขอย่างสบายใจไม่ต้องทำอะไรน่ะ...”
หญิงสาวระเบิดอารมณ์ออกไปด้วยความหงุดหงิดยกมือขึ้นกุมขมับรู้สึกปวดหัวตุ๊บอีกครั้งที่ต้องตะเบ่งเสียงออกไปดังๆ
และการกระทำของเขาทำให้เธอรู้สึกเครียดจัดจนเหมือนไข้จะกลับ
เพราะด้วยฐานะทางบ้านของเธอทำให้เงินเป็นเรื่องใหญ่
การขาดงานเพียงวันเดียวหรือครึ่งวันอาจทำให้เธอมีเงินไม่พอส่งเสียตัวเองเรียนก็เป็นได้
“โอ๊ย...เรื่องเยอะจริงๆ นะเธอเนี่ย
ไม่ต้องห่วงหรอกฉันจะชดใช้เธอให้หมดทุกอย่าง”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นอุดหูพร้อมยื่นข้อเสนอ เขาเองก็ให้คนไปสืบเรื่องของเธอมาพอสมควร ทำให้รู้ว่ารติยาเป็นเด็กดีแต่บ้านอยากจน
และไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม ที่ทำให้เขาสนใจเธอ
การกระทำของเขาจะไม่มีทางทำให้เธอเดือดร้อนอย่างแน่นอน
“ยังไงไม่ทราบ” ฟางหันไปถามชายหนุ่มอย่างไม่ทันเอะใจ
ว่าคำถามที่เธอถามออกมามันอาจจะแสดงให้เห็นถึงบางอย่าง ที่เปลี่ยนสถานะของเธอจากพนักงานเสิร์ฟสาวเป็นนางบำเรอ
“ฉันจะจ่ายให้เธอห้าล้านเป็นค่าเสียเวลาที่ต้องมาอยู่กับฉัน” ราฟถอนหายใจพูดออกไป ทั้งที่เขาไม่ได้อยากจะใช้คำพูดนี้เท่าไรนัก
รู้ดีว่าหญิงสาวอาจจะเข้าใจความหมายผิด ซึ่งแท้จริงแล้วที่เขาต้องการคือได้อยู่กับเธออีกครั้ง
ได้รู้จักตัวจริงของเธอและเขา และที่สำคัญตอบแทนการกระทำของเขาในคืนนั้นที่พรากความสาวของเธอไป
ถึงแม้ในใจของเขาจะพอใจที่ได้เป็นเจ้าของเธอก็ตาม
“ชดใช้งั้นเหรอ หึ
ไม่ใช่ว่าเงินจะชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างได้หรอกนะ” ถึงจะตาโตด้วยความตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลที่เขาตั้งใจจะจ่ายให้
แต่รติยาผู้ไม่ยอมใครมองชายหนุ่มสายตาดุๆกัดปากแน่น คิดไปถึงวันที่เธอต้องสูญเสีย
เขาจะชดใช้ให้เธอยังไงความสาวของเธอก็ไม่มีวันกลับมาได้
“เอาน่า ก็ยังดีกว่าเสียไปฟรีๆไม่ใช่เหรอ”
ฮีราฟเดินมาหาหญิงสาวพยายามพูดจาให้เธออารมณ์เย็นลง และกำลังชั่งใจว่าจะเสียตัวไปฟรีๆ
หรือจะรับเงินเขาแล้วอยู่อย่างสุขสบาย พร้อมยื่นเช็คที่มีลายเซ็นลงนามเรียบร้อยของเขาให้กับเธอ
“ฉันไม่ใช่พวก...” รติยาคำพูดจุกอยู่ที่อกมองดูเช็คที่ชายหนุ่มยัดเหยียดให้
ถึงแม้ใจจริงจะความรังเกียจและตีความหมายในคำพูดและการกระทำของเขาที่เหมือนจะดูถูก
ที่เธอบ้านยากจนถึงกับต้องขายตัวเรียน ทำเอาฟางสะอึกน้ำตาตก กำมือแน่นน้ำตาคลอเสียใจกับการกระทำของตัวเอง
ไม่ไม่คิดว่าตนจะตกต่ำถึงเพียงนี้
แต่จำนวนเงินมหาศาลก็ทำให้หญิงสาวต้องชั่งใจ
ห้าล้านสามารถทำให้เธอเรียนต่อไปถึงไหน
แถมสิ่งที่เสียไปแล้วมันก็จะไม่มีวันกลับคืน อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเสียไปเปล่าๆ
การเสียไปครั้งนี้อาจจะทำให้เธอและครอบครัวสุขสบายก็ได้
“ฉันไม่ได้ว่าเธออย่างนั้น อย่าเข้าใจผิด
ฉันรู้ดีว่าเธอไม่ใช่”
ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นโบกปัดกับสิ่งที่เธอเข้าใจ
ในเมื่อเขารู้ดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันคือเรื่องเข้าใจผิดและชายคนแรกของเธอคือเขา
และจะให้เขาคิดได้ยังไงว่าเธอเป็นนักศึกษาขายบริการ
“แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะ” หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดหนัก ราวกับว่าไม่แคร์เรื่องที่เกิดขึ้น มองหน้าชายหนุ่มตรงๆอยากรู้ความจริงว่าทำไมเขาต้องเลือกเธอ
“ข้อแรกฉันอยู่ในช่วงพักร้อน
เลยอยากพักผ่อนสมองกับคนที่ฉันอยากจะอยู่ด้วย...” คังฮีราฟพูดออกไปตามความจริง หลังจากจบคอนเสิร์ตเขาต้องการพักผ่อน
ก่อนจะพักการทำดนตรีแล้วกลับไปเกาหลีเพื่อเรียนต่อให้จบ
“ถามสักคำรึยังว่าฉันอยากจะมาด้วย” ฟางไม่ปล่อยให้เขาพูดข้อสอง เธอตัดคำไม่สนใจชายหนุ่มมองค้อนเขาด้วยความขัดใจ
ถึงจะใจเต้นแรงไปกับสิ่งที่เขาบอกว่าอยากจะอยู่กับเธอก็ตาม
“ข้อสองฉันต้องพาเธอหนีจากนักข่าว” ชายหนุ่มส่งหนังสือพิมพ์ให้ฟางอีกครั้ง
ร่างบางรับมาอย่างงงๆ
ทำไมเธอต้องหนีนักข่าว
แต่เมื่อเห็นรูปบนหน้าหนังสือพิมพ์รติยาถึงกับใจหายวาบ ภาพจูบของเขาและเธอในร้านอาหารลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง
แสดงว่าเขาคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอนถึงต้องถูกจับตามองแบบนี้
“แล้วทำไมฉันถึงต้องลงหนังสือพิมพ์กับนาย”
รติยามือไม่สั่นเงยหน้ามองดูชายหนุ่มหน้าใสตรงหน้า สลับไปมากับภาพในหนังสือพิมพ์
“นายเป็นใครนะ”
“นี่...เธอไม่รู้จักฉันจริงๆเหรอ” ชายหนุ่มหน้าใสมองดูหญิงสาวอย่างไม่แน่ใจ
เห็นร่างบางพยักหน้าหงึกๆสายตามองเขาอย่างงงๆ ก็ถอนหายใจออกมารู้สึกเสียกำลังใจ เมื่อคนที่เขาอยากจะให้รู้จักกลับไม่รู้จักเขาเลยสักนิดเดียว
“แล้วนายเป็นใครฉันต้องรู้จักด้วยเหรอ” หญิงสาวพยายามคิดใบหน้าของชายหนุ่มตอนแต่งหน้าจัด
ดูคุ้นตาอยู่ก็จริงแต่เธอก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน
เพราะที่เธอสนใจส่วนใหญ่ก็จะเป็นมาโกโตะไคสุดที่รักของเธอ ถ้าเขาจะเป็นดาราล่ะก็คงจะเป็นดาราไม่ดังเท่าไร
เท่าที่ใจของเธอคิดเอาไว้
“เอางี้ ช่างเถอะ เธอไม่รู้จักก็ดีแล้ว
ฉันอยากจะอยู่กับคนที่ไม่รู้จักฉันบ้างเหมือนกัน” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างอ่อนใจ เขาไม่ใช่คนขี้อวดที่จะโฆษณาไปเรื่อยว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
การที่เธอไม่รู้จักเลยมันก็ดีอย่าง บางทีเธอก็จะได้เป็นตัวของตัวเองและเขาเองก็เป็นตัวของตัวเองเช่นกัน
“แล้วเรื่องข่าวล่ะ” รติยามองดูภาพข่าวอย่างไม่แน่ใจ คิดภาพไม่ออกว่าตัวเองต้องไปทำงาน
ในขณะที่นักข่าวรุมทึ้งอยู่นอกร้าน
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงฉันจะให้คนจัดการให้
เธออยู่แบบนี้สักพัก นักข่าวตามหาตัวไม่เจอเดี๋ยวเรื่องก็เงียบไปเอง ยังไงฉันก็ไม่ได้ดังอะไรอยู่แล้วนี่”
ชายหนุ่มพูดประชดทั้งๆที่รู้ดีว่าข่าวฉาวจะไม่จบลงง่ายๆ
“งั้น เท่ากับว่านายช่วยฉันนะสิ” หญิงสาวมองดูชายหนุ่มอย่างไม่แน่ใจ ถึงจะยังโกรธเคืองเรื่องที่ข่มเหงเธอและลักพาตัวเธอมา
แต่ด้วยเหตุผลทั้งปวงเขามีเหตุผลมากพอที่จะทำ
“ก็ใช่...” ชายหนุ่มพยักหน้าเนิบๆ รู้สึกดีที่หญิงสาวกล่อมได้ง่ายกว่าที่คิด
ทั้งๆที่
เธอจะต่อว่าเขาอีกก็ได้
เพราะถ้าเขาไม่ไปหาเธอ เรื่องก็จะไม่เป็นแบบนี้แต่ด้วยรสสัมผัสของหญิงสาวที่ทำให้เขาติดตราตรึงใจเขาจึงต้องมาพบกับเธออีก
เมื่อร่างบางตรงหน้าดูเหมือนจะสงบอารมณ์ลงได้
และทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงสาวก็ทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียง รู้สึกเหนื่อยใจนี่เธอต้องเป็นนางบำเรอให้เขาจนกว่าข่าวจะจบลง
ชายตามองดูชายหนุ่มข้างกายที่มองดูเธออยู่ไม่ห่าง คิดหนักถึงสถานะของตัวเอง
ราฟมองดูแววตาของหญิงสาวด้วยความเห็นใจเดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงข้างกาย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ทำให้เธอเสียหายหรอก”
ราฟกุมมือบางที่ยังอุ่นๆของหญิงสาวอย่างรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที
“ก็นั้นสิ คงไม่เสียหายไปมากกว่านี้แล้วล่ะ” รติยาชักมือกลับ จำใจยอมรับข้อเสนอเพราะเธอก็คงไม่มีปัญญาจะหนีนักข่าวไปที่ไหน
ไปที่บ้านต่างจังหวะก็คงไม่มีประโยชน์ ในเมื่อรูปโชว์หน้าหนึ่งแบบนี้
กลับไปทำงานก็คงจะลำบาก ไปที่ไหนก็ไม่ได้ ตอนนี้อยู่กับเขาคงจะปลอดภัยที่สุด
“ข้อสาม...” ชายหนุ่มหันไปมองใบหน้างามที่มีแววตาเป็นกังวล
ทำท่าจะเอ่ยข้อสามตามที่พูดออกไปทำเองคนที่ถูกมองอยู่นิ่ง ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะรอฟังข้อสามของเขาอย่างคาดหวัง
คำพูดที่ลึกซึ้งมากพอที่จะทำให้เธออยู่ได้อย่างสบายใจ
“ไปข้างนอกกันเถอะ ขี้เกียจจะพูดแล้ว” แต่แล้วข้อสามของชายหนุ่มก็ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก
ได้แต่ก้มหน้ายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
คนอย่างเธอคงไม่มีปัญญาทำให้ชายใดใจเต้นแรงที่ได้อยู่ด้วยหรอก
“แล้วจะให้ฉันไปสภาพนี้เหรอ” หญิงสาวมองดูตัวเองในแบบฉบับวาบหวิว เสื้อตัวใหญ่ของเขาสั้นเกินไปที่จะเดินออกไปไหน
คงไม่ต้องถามเป็นอันรู้กันในใจว่าใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเธอ
“มีชุดอยู่ในตู้ก็เลือกเอาสิ”
ชายหนุ่มชี้ไปทางตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมห้อง เขาให้คนจัดการเสื้อผ้าทุกอย่างให้กับเธอแล้วตั้งแต่เย็นเมื่อวาน
ก่อนที่จะลักพาตัวเธอออกมาจากที่ทำงาน แล้วเดินออกจากห้องนอนปล่อยให้หญิงสาวจัดการกับตัวเองเพียงลำพัง
โดยทิ้งข้อสามเอาไว้ในใจว่า เขาต้องการเธอและเงินเหล่านี้เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
ไม่นานเสื้อผ้าสวยๆที่ชายหนุ่มหามา
ก็ถูกหญิงสาวสวมได้อย่างพอดีตัว ฟางมองดู
ตัวเองในกระจกอย่างพอใจ
เสื้อสายเดียวสีฟ้าข้างใน ถูกคลุมด้วยเสื้อสีขาวตะข่ายบางๆแขนยาวทับเข้ารูป
กางเกงขาสั้นสีดำสนิทพอดีกับชายเสื้อคลุม
รองเท้าส้นเตี้ยแบบรัดกุมเหมาะจะเดินชายทะเล ไม่อยากถามหรอกว่าเขาไปเอาของพวกนี้มาจากไหน
รู้แต่ว่าทุกอย่างมันพอดีสำหรับเธอเหลือเกิน
หญิงสาวใช้เวลาแต่งตัวได้นานพอสมควร
ด้วยอยากจะดูดีที่สุดโดยไม่รู้สาเหตุ แต่อยากให้เขาเห็นเธอแล้วประทับใจ
ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยสีบางๆเน้นแบบธรรมชาติ
ไม่นานร่างบางก็ปรากฏกายออกมาจากที่พัก เห็นชายหนุ่มยืนสวมแว่นตาสีดำ มือสอดกระเป๋ากางเกงรออยู่ก็เดินเขินๆเข้าไปหาคาดหวังจะได้คำชมจากปากของเขา
“นานชะมัดเลย กะให้ฉันรอจนแก่ตายเลยรึไง” ฮีราฟหันมามองร่างบางซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ในใบหน้าที่เคร่งขรึม
ทำทีเป็นหงุดหงิดทั้งที่พอใจกับการแต่งตัวของหญิงสาว แถมยังทำแหย่ประสาทให้ร่างบางที่เดินเข้ามาหาหงุดหงิดใจ
“อย่าบอกนะแต่งตัวนานกะให้ฉันชมนะ”
“ใครจะไปอยากแต่งให้นายดูล่ะ ตาบ้ากาม” แต่คำทักทายจากปากของเขากลับเป็นคำต่อว่าทำเอาหญิงสาวหน้าเง้าทันที
เชิดหน้าใส่ชายหนุ่มกัดปากแน่นด้วยความขัดใจ
คิดว่าความสัมพันธ์ลึกซึ้งของเขาและเธอจะทำให้ชายหนุ่มมองเธอต่างไปจากผู้หญิงคนอื่น
“ไม่ต้องแต่งมากหรอกครั้งหน้านะ
ฉันชอบดูเวลาเธอไม่แต่ง ไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า” ชายหนุ่มสนุกสนานที่สามารถทำให้เธองอนได้สำเร็จ
หันไปคว้าข้อมือบางมากุมไว้แน่นแล้วจูงไปเดินเล่นที่ชายหาด ร่างบางหน้าแดงจัดกับคำพูดของเขาแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่ายไม่อาจจะขัดขืน
นานมากแล้วสำหรับเธอเช่นกันที่ไม่ได้พักผ่อนหรือมาเที่ยวทะเลแบบนี้
ฯ...หาดทรายสีขาวสะอาดตา
ท้องทะเลแสนกว้างใหญ่ ร่างของเธอและฉันรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ที่แห่งนี้คือสถานที่แห่งความทรงจำที่แสนงาม
เสียงคลื่นเรียกหาจังหวะรักของเราไพเราะเสนาะหู เสียงนกร้องรำทำเพลงครื้นเครงสุขใจ
เพิ่มจังหวะของการแนบชิด เสียงครางของเธอที่เรียกหาฉัน ยิ่งเร่งความรักของเราให้เร่าร้อนทวีคูณ
มาเถอะคนดีขยับเข้าหาฉันทั้งตัวและหัวใจ ความรักของเราสองแสนมากมายยิ่งใหญ่
เกินกว้างท้องทะเลจะรองรับ เกินกว่าฟ้ากว้างจะเป็นพยาน เกินกว่าใครจะมาพรากจากกัน...ฯ
ชายหนุ่มปิดไอแพตคู่ใจเมื่อเนื้อหาเพลงใหม่ของเขาถูกบันทึกลงไปอย่างเรียบร้อย
มองดูหญิงสาวแสนงามที่อยู่เบื้องหน้ากำลังหยอกล้อเล่นกับเกลียวคลื่น รติยาเป็นแรงบันดาลใจให้เขาได้อย่างน่าประหลาด เงยหน้ามองดูพระอาทิตย์ยามเย็นที่ค่อยๆลาลับขอบฟ้า
ร่างบางที่น่าเย้ายวนลงเล่นน้ำมาหลายชั่วโมงไม่รู้จักเหน็ดจากเหนื่อยทั้งๆที่เพิ่งหายไข้ทำเอาคนที่เพิ่งทำงานเสร็จเริ่มหงุดหงิด
“นี่เธอ ขึ้นมาได้แล้วน่า” ชายหนุ่มตะโกนเรียกหญิงสาวด้วยความเห็นห่วงกวักมือเรียกร่างบางให้ขึ้นมาตามคำสั่ง
แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้ายกมือกวักเขาเรียกให้ลงไปเล่นน้ำกับเธอแทน
“ไม่ไป ฉันไม่ลงน้ำหรอก” ชายหนุ่มตะโกนตอบกลับทำเอาหญิงสาวยืนท้าวสะเอว
รู้สึกหงุดหงิดเขาปล่อยให้เธอลงน้ำอยู่คนเดียวมานานแล้ว ตอนแรกหลังจากกินข้าวเสร็จบอกว่าจะลงเล่นด้วย
แต่ขอทำงานก่อนเธอก็ไม่ได้กวนใจ ตอนนี้งานของเขาเสร็จแล้ว กลับผิดคำไม่ยอมลงน้ำมาเล่นกับเธอ
หญิงสาวยืนนิ่งมองดูชายหนุ่มคิดหาวิธีให้เขาลงน้ำมาเล่นสนุกกับตน
ชายหนุ่มเองก็มองรอคอยหญิงสาวให้ขึ้นฝั่งอยู่นาน
แล้วอยู่ๆร่างบางที่เห็นเด่นชัดก็จมหายไปกับเกลียวคลื่นใหญ่ ที่ซัดสาดเข้ามายังชายฝั่งทำให้หญิงสาวไม่ทันระวังตัว
ชายหนุ่มใจหายวาบ รติยาหายไปจากสายตาของเขาเสียแล้ว
“นี่ เธอ...” ชายหนุ่มตะโกนเรียกหญิงสาวพร้อมส่ายสายตามองหาร่างบางที่หายไป
ใจหวังรติยาจะผุดขึ้นมาจากทะเลลึกที่แสนจะน่ากลัว แต่ก็นิ่งสนิทมีเพียงเสียงคลื่นและลมพัดที่ซัดสาดเข้ามาถึง
ชายหนุ่มขยับกายตัดสินใจเดินลงทะเลไปใจหวั่นลึกหายใจเข้าออกรุนแรงขึ้นกัดปากนิ่งเมื่อลงน้ำไปถึงครึ่งตัว
“นี่...รติยา” เสียงชายหนุ่มหายไปกับเสียงคลื่น ตะโกนเสียงดังลั่นแต่คนที่เขาเรียกหากลับไม่โผล่ขึ้นมา
ทำเอาชายหนุ่มยิ่งใจสั่นแล้วอยู่ๆ บางอย่างที่อยู่ใต้น้ำก็แตะเบาๆที่เรียวขาของชายหนุ่ม
ฮีราฟตกใจผวาเดินถอยหลัง เสียหลักจมน้ำทันทีเมื่อสิ่งนั้นกระชากเขาล้มลงไปในน้ำทะเล
“เย้...ลงมาสักที...ฮ่า...ฮ่า”
เสียงหวานปนหัวเราะปิดปากขำมองดูชายหนุ่มที่กำลังทำท่าทางสำลักน้ำอย่างเอาเป็นเอา ตายเหมือนคนว่ายน้ำไม่เป็น
แล้วเมื่อตั้งสติได้ทรงตัวอยู่ก็ลูบหน้าปานน้ำทะเลออกจากใบหน้า
กวาดสายตามองดูทะเลกว้างด้วยสายตาหวาดหวั่น แล้วตวัดสายตามองดูคนเจ้าเล่ห์ด้วยสายตาแค้นเคือง
“เล่นบ้าอะไรของเธอ” ชายหนุ่มตะหวาดลั่นจนร่างบางสะดุ้ง ไม่คิดว่าการหยอกเล่นสนุกๆของเธอจะทำให้เขาโกรธจัดขนาดนี้
“แกล้งหน่อยเดียวเองทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วยล่ะ” รติยามองดูร่างของชายหนุ่มเดินลุยน้ำขึ้นฝั่งด้วยความมึนงง
ในเมื่อเขาเป็นคนพาเธอมาทะเลกว้าง แต่ทำไมกลับไม่ยอมลงน้ำแถมยังทำท่าทางไม่อยากลง
สายตาที่มองดูน้ำทะเลเมื่อครู่ก็ดูจะหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“นี่โกรธเหรอ”
หญิงสาวเดินตามชายหนุ่มขึ้นฝั่งเอื้อมมือไปจับข้อมือหนาอย่างสำนึกผิด ที่คิดแกล้งแรงไปหน่อยบางทีเขาอาจจะชอบบรรยากาศ
แต่ไม่ชอบเล่นน้ำทะเลก็เป็นได้
“จำไว้นะ อย่าเล่นอะไรแบบนี้อีก ถ้าไม่อยากจะเสียตัวฟรีๆ” แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นท่าทีที่เย็นชาของชายหนุ่มและสายตาราวกับจะกลืนกินเธอ
หรือฆ่าให้ตายกับการกระทำคิดสนุก แต่ไม่รู้จักคิดที่จะเล่นให้ถูกคน พร้อมสะบัดข้อมือที่หญิงสาวจับอยู่ออกแล้วเดินลิ่วไม่รอช้า
ไปยังตึกสูงใหญ่ซึ่งเป็นที่พักของตัวเอง หญิงสาวตัวชาเมื่อได้ยินดังคำชายหนุ่มพูด
ราวกับว่าเธอเป็นนางบำเรอของเขาก็ไม่ปาน เอาตัวแลกเงิน ต้องทำตามที่เขาสั่ง
“คนบ้า แล้วฉันขอให้มันเป็นแบบนี้รึไงเล่า” ฟางบ่นกับตัวเองเดินกัดปากนิ่งคอตกตามชายหนุ่มไปยังบ้านพัก
เขาเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจร่างบางที่ยืนตัวสั่นคางกระทบกันอยู่กลางห้องนอน
หญิงสาวได้แต่ยืนอึ้งไม่ขยับคิดเจ็บใจตัวเองที่ถูกเขาทำท่าทางดูถูกราวกับไม่มีค่าอะไร
ลำพังการเสียตัวให้กับเขาคงไม่เท่าไรแต่การที่ภาพของเธอลงคู่กับเขาทำให้เธอไม่อาจจะรับมือกับปัญหาที่จะตามมาได้ถึงได้ยอมทนอยู่อย่างอดสูแบบนี้
ขณะที่หญิงสาวคิดอย่างน้อยใจ
ชายหนุ่มในห้องน้ำก็ถอนเสื้อผ้าออกจากตัวที่เปียกชุ่มมองดูใบหน้าตัวเองในกระจกปากสั่นกระทบ
แต่หาได้จากความหนาวสั่นเพราะตัวเปียก สิ่งที่หวาดกลัวมันอยู่ลึกในจิตใจ ภาพบางอย่างผุดขึ้นมาในสมองสาเหตุที่เขาไม่ยอมลงน้ำทะเล
ทั้งๆที่ชอบกลิ่นและบรรยากาศของชายหาดมาก
แต่ก็ไม่อาจจะใจกล้าลงว่ายน้ำ
อย่างที่เขาเคยทำตอนเด็กๆ
ฮีราฟหลับตาท่าทางเหนื่อยหน่ายกับความทรงจำที่แสนเจ็บปวด
ความทรงจำที่เปลี่ยนชีวิตและความฝันไปอย่างสิ้นเชิงแล้วชายตามองดูร่างบางที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
ผ่านเงาสะท้อนของกระจกบานใหญ่ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ
หันไปหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งอย่างหมิ่นเหม่เดินไปพิงขอบประตูห้องน้ำแล้วกอดอก สายตามองดูร่างบางที่ตัวเปียกโชกเสื้อผ้าแนบเนื้อไปทุกสัดส่วนเผยให้เป็นเรือนร่างเย้ายวนชวนฝันที่เขาหลงใหลถึงกับเป่าหูเธอให้ยินยอมจำใจอยู่ร่วมกับเขาตอนนี้
“ยืนนิ่งอยู่ได้มานี่สิ” เสียงของชายหนุ่มดังก้องทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง
หันไปมองเม้มริมฝีปากแน่นน้ำตาคลอแต่ฝืนกลืนลงอกไม่อยากให้ชายหนุ่มตรงหน้ารู้ว่าเธอกำลังเสียใจ
“ฉันบอกให้มานี่ไง”
รติยาเดินไปหาฮีราฟที่ประตูห้องน้ำอย่างช้าๆ
เดาอารมณ์ของรูปงามไม่ถูกว่าอยู่ในภาวะไหน รู้แต่ว่าเธอไม่กล้าที่จะขัดใจ เพราะสายตาของเขาเมื่อครู่ทำเอาเธอหวาดหวั่นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“นี่เป็นบทลงโทษของเธอที่กล้าทำให้ฉันลงน้ำทะเล” เมื่อร่างบางมาถึงในระยะเอื้อมถึงสองมือหนาของชายหนุ่มก็รวบตรึงต้นแขนของเธอ
รั้งร่างบางเข้าไปยังห้องน้ำกว้างใหญ่แล้วบดริมฝีปากสวยได้รูปลงไปที่ริมฝีปากบางเฉียบที่เม้มสนิทของเธออย่างรุนแรง
จนเจ้าตัวผงะถอยใบหน้าออกห่างจนกระแทกลงไปที่กำแพงหนา
หญิงสาวหลับตาแน่นด้วยความเจ็บทั้งริมฝีปากที่ถูกบดเบียดเข้ามาและศีรษะด้านหลังของเธอ
แต่กลับไม่มีน้ำตาออกไปสักหยดเดียว ชายหนุ่มถอนใบหน้าออกมองดูหญิงสาวที่หลับตาแน่นกายสะท้านลมหายใจหอบหนักราวกับวิ่งมาเหนื่อยๆ ริมฝีปากของร่างบางตรงหน้าบวมเจ่อขึ้นเล็กน้อยด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ถูกปลุกเรื่องราวในอดีตของตัวเองยังไม่จางหาย
ทั้งๆเคยที่ตั้งใจจะกลืนกินเธอทั้งตัวด้วยความนุ่มนวลก็ตาม
“กลัวเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามน้ำเสียงยังคงเย็นชา แต่ผ่อนแรงบีบที่ต้นแขนงามลงเล็กน้อยรู้ดีว่ายังไงเธอก็เป็นลูกไก่ในกำมือ
หนีไปจากเขาไม่ได้อยู่แล้ว ใบหน้าของชายหนุ่มเข้าใกล้หญิงสาวปลายจมูกเข้ารูปงาม เขี่ยไล่เล่นกับปลายจมูกของหญิงสาวถ้าเป็นอารมณ์
ปกติใจของทั้งสองคนเต้นแรงจนดังออกมานอกอก
“ไม่
ฉันไม่กลัวนายหรอก”
รติยาใจแข็งลืมตามองดูชายหนุ่มสายตาแข็งกร้าวพยายามข่มความหนาวภายในใจเอาไว้ไม่ให้แสดงความสั่นสะท้านออกมารวมทั้งความรู้สึกร้อนรุ่มที่กำลังปะทุขึ้นทุกทีทุกที
“งั้นก็โกรธ” ฮีราฟลากเสียงต่ำกระซิบริมใบหูผ่อนลมหายใจเบาๆ
รดซอกคอของเธอความรู้สึกแข็งกร้าว เมื่อครู่เริ่มจะอ่อนปวกเปียก
ขนกายลุกตั้งชันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ฉะ...ฉันจะโกรธนายจ้างได้ยังล่ะ” ฟางกล่าวตัดบดน้ำเสียงสั่นๆ ด้วยความน้อยใจปนวาบหวามใจ
เพราะการกระทำของเขาทำเอาร่างบางเริ่มจินตนาการล้ำลึก
“ในเมื่อฉันมันก็แค่นางบำเรอที่นายซื้อตัวมา”
“หึ...”
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากความรู้สึกโกรธเคืองเริ่มลดต่ำลง เมื่อได้จูบหวานและกอดร่างนุ่มนิ่มของเธอได้ยินคำว่านางบำเรอดังออกมาจากปากก็ทำให้ชายหนุ่มใจหาย
เขาไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวหาเธอเป็นดังที่เข้าใจ ลึกๆแล้วอยากจะชี้แจงสาเหตุของความโกรธและหงุดหงิดที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตัวเอง
แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นบอกสิ่งที่เธอควรจะรู้ดีกว่า
“ฉันแค่หงุดหงิดที่เธอไม่เชื่อฟังฉัน
บอกให้ขึ้นน้ำไม่ยอมขึ้น แถมยังจะมาทำให้ฉันตัวเปียกอีกมันน่าโมโหไหมล่ะ”
หญิงสาวข่มใจฟังกัดปากนิ่งคำพูดของชายหนุ่ม
อาจจะถูกที่เธอขัดคำสั่งของเขา แต่บางอย่างในแววตาที่เธอเห็นมันมากกว่านี้ บางอย่างที่เขาปกปิดและซ่อนมันไว้ในใบหน้าที่หล่อเหลาและความสดใสร่าเริงที่เขาอาจจะเสแสร้งแกล้งแสดงออกมา
ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดหนัก มือหนานุ่มของชายหนุ่มก็ค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าของร่างบางออกโดยไม่รู้ตัว
“นี่จะเป็นบทลงโทษของคนที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของฉัน” ริมฝีปากร้อนระอุของฮีราฟจูบลงที่หัวไหล่เนียนสวยดึงสายเล็กๆของเสื้อลงอวดช่วงไหล่ได้รูปกะทัดรัด
รู้สึกชอกช้ำใจที่ร่างกายถูกกระทำราวกับเป็นนางบำเรอก็ไม่ปาน ชายหนุ่มไม่ทันสังเกต
รุดหน้าชิมรสหวานจากเรือนร่างของหญิงสาวต่อไปด้วยความหอมหวานของผิวกายเนียนนุ่มชวนหลงใหล
สองมือลูบไล้ขึ้นลงไปทุกสัดส่วน
บีบเคล้นสะโพกผายที่นุ่มหยุ่นและเต็มไม้เต็ม
มือภายใต้กางเกงบางที่แทบจะปกปิดอะไรไว้ไม่ได้
จนรติยาเริ่มเสียการทรงตัวเพราะความ
รุนแรงในอารมณ์สวาทที่มีมากขึ้นเรื่อยๆของชายหนุ่ม
ลมหายใจเริ่มหอบหนักกว่าเดิม
พิงกายที่กำแพงกว้างหลับตาพริ้มเงยหน้ามองเพดานสีขาวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
พยายามเก็บอารมณ์ไม่ให้เสียงแห่งความใคร่หลุดออกมาให้ชายหนุ่มได้ยิน
ชายหนุ่มดึงรั้งเสื้อสายเดียวลงจากกายหวาน
แล้วปลดพันธนาการบราสีงามตัวสุดท้ายออกจากเรือนร่าง แล้วดันร่างบางเข้าไปยังอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
ปลดกางเกงแนบเนื้อด้วยความรีบร้อนจนเหลือร่างที่เปลือยเปล่าตรงหน้าเขา
“เธอสวยน่ากินไปทั้งตัวเลยรู้ไหม”
ชายหนุ่มกระซิบบอกรั้งร่างบางนั่งลงตักของตัวเองที่อ่างขนาดใหญ่ แล้วลูบไล้ขึ้นลงบีบนวดทรวงอกจนยอดถันแข็งขึ้นเป็นไตชวนให้สัมผัส
ทรวงอกของร่างบางสะท้านขึ้นลงด้วยความเสียวซ่านความคิดน้อยใจว่าตัวเองเป็นนางบำเรอเมื่อครู่เริ่มจางหาย
เปลี่ยนมาคิดถึงความวาบหวามของรสสัมผัสของชายหนุ่มที่กำลังเกิดขึ้น
มือหนาของเขาวนเวียนอยู่ที่ยอดอกของเธอที่กำลังถูไถบนฝ่ามือปลายนิ้วเขี่ยเล่นที่ยอดถันทั้งสองข้าง
ร่างบางผวาเฮือกเอนกายพิงชายหนุ่มอย่างเต็มใจสองมือบางจับที่ข้อมือหนาของชายหนุ่มเชิงสั่งให้หยุดทำ
แต่กลับลูบไล้ราวกับถวิลหาเขามานานแสนนาน
ถึงแม้สมองสั่งการให้ทำตัวแข็งเป็นหิน
ไม่ตอบสนองอารมณ์แห่งความใคร่ที่ชายหนุ่มมอบให้
แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะควบคุมตัวเองในเมื่อรสสัมผัสของชายหนุ่มทำเอาเธออ่อนแรงทุกครั้งไป
ยิ่งมือหนาลงต่ำไปยังหน้าท้องลูบไล้ความแบนราบด้วยความผอมของตัวเธอ
แล้วหยุดลงที่กลางลำตัวมือหนาประกบลงอย่างพอดี
ใบหน้าของหญิงสาวหลบลงที่อกกว้างของชายหนุ่มด้วยความเขินอายในตัวเอง เพราะสะโพกงามกำลังขยับเล็กน้อยเชิญชวนให้เขาเข้าถึงอย่างควบคุมไม่ได้ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็จูบลงที่ซอกคอ ลิ้นร้อนเลียไล้เล่นไปตามไหล่เนียนสวยปลายนิ้วเริ่มทำหน้าที่สะกิดยอดเกสรที่หลบซ่อนอยู่ภายในกุหลาบดอกอูม
""ไม่ต้องตกใจสาวน้อย ฉันจะนุ่มนวลและทำให้คืนนี้ของเธอเป็นคืนที่แสนวิเศษ" ชายแปลกหน้าเชยใบหน้างามขึ้นมา พร้อมกับบดริมฝีปากสวยได้รูปของตัวเองลงไป ก่อนที่หญิงสาวจะคัดค้านหรือเอ่ยคำใดออกมา หญิงสาวเม้มปากแน่น เมื่อรู้ว่ากำลังถูกพรากจูบแรกไปอย่างไม่สมยอม สองมือยกขึ้นพยายามดันชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่แขนขาเธอกลับไม่มีแรงจะต้านทาน"
รมย์ธีรา