ร่วมแชร์นิยาย ให้กำลังใจนักเขียนกันเถอะ =D
ตอนที่ 3 คนแรก
เรียน่ามองแฟ้มสีดำที่เรียงซ้อนกันอยู่บนโต๊ะ
มันคือประวัติส่วนตัวของคนที่สมัครเข้ามาเป็นสามีในอนาคต มันช่างน้อยนิดเมื่อเทียบกับแฟ้มเอกสารรอลายเซ็นอนุมัติที่กองเป็นภูเขาแต่เธอก็ไม่ได้ใสใจ
ร่างบางเดินอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มที่ยืนจ้องกองเอกสารด้วยสายตาที่ยากเกินกว่าจะคาดเดา
เธออยากจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึมของกาเรนที่มองแฟ้มสีดำสลับกับมองหน้าเธออยู่นี้กำลังคิดอะไรอยู่
จะเจ็บปวดใจบ้างไหมที่เห็นคนรักกำลังจะกลายเป็นของคนอื่น หรือไม่รู้สึกอะไรแล้วปล่อยให้เลยตามเลยโดยไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง
จากคนที่พูดคุยได้ทุกอย่างกลายเป็นคนที่พูดจากันแบบนับคำได้
เรียน่าพยายามเก็บความรู้สึกในใจทั้งที่สายตาก็แอบมองคนที่นั่งห่างออกไปไม่ละสายตา
เธอไม่สนใจว่าใครวางใบสมัครเอาไว้บ้างแต่เธอกำลังลุ้นว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกันนี้จะคว้าโอกาสครั้งสุดท้ายนี้ไว้หรือไม่
เสียงเคาะประตูดึงความสนใจของคนทั้งคู่
ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตเปิดอกโชว์มัดกล้ามเดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับชายหนุ่มอีกคน
แกรนเดกับกวาเรียโรสองนักธุรกิจหนุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีเบื้องหลังเป็นมาเฟียไม่ต่างจากเธอเพียงแต่เป็นกลุ่มเล็กกว่าเท่านั้นและพนันได้เลยว่าการเข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้คงอยากจะร่วมกลุ่มของตัวเองเข้ากับกลุ่มฟาลโคของเธอแน่
“สวัสดีครับคุณเจอร์ราโด
เราได้ยินมาว่าคุณกำลังเปิดรับสมัครว่าที่เจ้าบ่าว ผมอยากจะขอสมัครด้วยได้ไหมครับ”
“เจ้าหญิงอย่างคุณเจอร์ราโดคู่ควรกับผมมากกว่าเป็นไหนๆ”
กวาเรียโรชายหนุ่มที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงเดินมาหยุดยืนที่โต๊ะแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
ถูกชายหนุ่มอีกคนรั้งเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะได้ใจที่สามารถเข้าใกล้ว่าที่หัวหน้ากลุ่มฟาลโคได้โดยไม่ถูกโยนออกจากห้อง
ดวงตากลมโตเหลือบมองกาเรนที่ลุกขึ้นยืนกำหมัดแน่นระวังภัยอยู่หลังทั้งคู่แล้วหันมายิ้มให้กับชายหนุ่มทั้งสองคน
กวาเรียโรเป็นผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงทั้งรูปทรัพย์สมบัติและอำนาจ ส่วนแกรนเดเป็นผู้ชายที่เหมือนจะเงียบขรึมแต่ก็เจ้าชู้และมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวไม่แพ้กันเพียงแต่กวาเรียโรนั้นมีมากกว่า
กลุ่มมาเฟียที่เป็นรองจากกลุ่มฟาลโคมีเพียงกลุ่มกวาเรียโรและแกรนเดเท่านั้นที่พอสูสี
“ผมราฟาเอล
แกรนเด เรียกราฟาเอลหรือราฟเฉยๆก็ได้ครับ” แกรนเดปล่อยมือจากแขนที่รั้งกวาเรียโรยื่นไปสัมผัสมือบางแต่ก็ถูกผู้ชายอีกคนรีบแทรกตัวเข้ามาสัมผัสมือเจ้าของห้องเช่นกัน
“ส่วนผมอัลเบอโต
กวาเรียโรครับเจ้าหญิง”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
เรียน่าเปิดยิ้มกว้างขึ้นไปอีก ยิ่งเห็นกาเรนมีท่าทีโมโหก็ยิ่งมีความสุข
“ได้แนะนำตัวกันเป็นทางการสักที
ทุกทีเห็นแต่คุณเอนริค เจอร์ราโดที่ออกงานไม่ค่อยเห็นคุณตามงานเท่าไหร่เลยนะครับ”
แกรนเดดึงแขนของกวาเรียโรให้ปล่อยมือแล้วหันมาคุยกับเจ้าของห้องที่สวยสมคำร่ำลือมากจริงๆ
“ค่ะ
ฉันไม่ค่อยถนัดออกงานเท่าไหร่”
“แหม
เป็นผมก็ไม่อยากให้ลูกสาวออกงานบ่อยๆหรอกครับก็สวยซะขนาดนี้”
“แต่ผมกลับอยากพาไปด้วยมากกว่าครับและเชื่อได้เลยว่าผู้ชายส่วนใหญ่ต้องคิดแบบผม”
“จะพาไปให้เป็นอาหารตาคนอื่นทำไมละ
ของอย่างนี้ต้องเก็บไว้ดูคนเดียวสิ”
“มันเรื่องของแก
แต่ฉันไม่ปล่อยให้เมียตัวเองนอนเหงาตายรออยู่ที่บ้านแน่”
“เฮอะ!
แกคิดว่าคุณเจอร์ราโดจะเลือกแกเหรอ เจ้าชู้อย่างแกแอบซุกเมียไว้แล้วกี่คนไม่รู้”
กวาเรียโรต่อว่าชายหนุ่มโดยไม่รู้จักความโหดของเรียน่า
เพราะเธอไม่ค่อยออกหน้าทางสังคมสักเท่าไหร่กิตติศัพท์ของเธอเรื่องความโหดจึงรู้กันอยู่ในวงในของกลุ่มฟาลโคเท่านั้น
“ผู้หญิงพวกนั้นฉันเลิกคบไปหมดแล้วตอนนี้ฉันมีแค่คุณเจอร์ราโดคนเดียว
แกต่างหากละที่มีเมียซุกเอาไว้ไม่รู้กี่คนเมื่อวานฉันยังเห็นควงแม่ดาราผมบรอนนมโตคนนั้นอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แก...”
“หยุด! ถ้าพวกคุณจะมาทะเลาะกันฉันว่าพวกคุณกลับกันไปก่อนดีกว่าค่ะ”
“ผมเปล่าชวนทะเลาะนะครับ”
หลังจากที่หยุดทะเลาะกับคนข้างตัวกวาเรียโรก็หันมาพูดเสียงอ่อนกับเรียน่า
“วางแฟ้มไว้แล้วออกจากห้องฉันไปได้แล้ว”
แต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่จะใจอ่อนกับการเอาใจและใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มทั้งสองคน
สายตาที่เด็ดเดี่ยวไม่ยอมคนบ่งบอกถึงความเด็กขาดในเรื่องที่เอ่ยออกไปแล้วและต้องเป็นอย่างที่เธอพูดเท่านั้นถึงจะพอใจ
ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับกระต่ายน้อยกลายเป็นแม่เสือสาวที่พร้อมตะปบเหยื่อทำเอาสองหนุ่มตั้งตัวไม่ทันรีบวางแฟ้มประวัติของตัวเองลงบนโต๊ะแล้วขอตัวออกจากห้องด้วยความตกใจ
เรียน่าทิ้งตัวนั่งลงพร้อมกับถอนหายใจมือเล็กบีบขมับทั้งสองข้างเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว
แค่เริ่มต้นก็รู้สึกเหนื่อยกับการรับมือกับนิสัยแต่ละคนซะแล้ว หากต้องเผชิญกับผู้ชายสองคนนี้พร้อมกันเธอคงต้องฝึกความอดทนในการรับมือให้มากกว่านี้
“อยากได้ผู้ชายแบบนี้ใช่ไหมมาเป็นสามี”
ร่างบางลืมตาขึ้นมามองหน้าชายหนุ่มที่เดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเพลิงโทสะกำลังเต้นระริกอยู่ในนั้นและเธอจะใช้พลังความโกรธนั้นปลุกความกล้าในตัวเขา
“ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากได้หรือเปล่าแต่ที่รู้คือมันเป็นโอกาสของเขาและของเรียน่า”
“คนอย่างแกรนเดและกวาเรียโรไม่เหมาะสมจะขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มฟาลโค
พวกมันทั้งเหลี่ยมจัดและชอบใช้วิธีสกปรกไม่คู่ควรกับเรียน่าสักนิด”
“จะคู่ควรกับเรียน่าหรือเปล่าเรียน่าจะเป็นคนตัดสินเอง
บางที่เราอาจจะเข้ากันได้ดีที่สุดก็ได้ใครจะรู้”
“มันไม่มีอะไรที่เข้ากับเรียน่าได้เลย
หาความดียังไม่ได้แล้วจะดูแลเรียน่าได้ยังไง”
“อยากให้เรียน่าได้คนดีๆก็หามาให้เรียน่าสิ
หรือไม่กาเรนก็สมัครเข้ามาซะเอง แต่ถ้าไม่คิดจะทำอะไรกาเรนก็หยุดโวยวายสักที”
กาเรนกำหมัดแน่นยิ่งกว่าเดิม
อยากจะกระชากร่างบางที่ทำปากเก่งขึ้นมาเขย่าให้รู้สึกตัวแต่ก็ต้องข่มใจตัวเองเอาไว้แล้วกลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานที่ยังคั่งค้างของตัวเองต่อไปให้แล้วเสร็จ
เรียน่าเก็บของใช้ส่วนตัวเข้ากระเป๋ารวมถึงแฟ้มประวัติของทุกคนแล้วลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับบ้าน
กาเรนจึงเข้าไปรับแฟ้มในมือของเธอมาถือไว้ก่อนจะหลุดมือหล่นลงพื้นปนกับแฟ้มเอกสารของตัวเอง
ชายหนุ่มก้มลงเก็บแฟ้มขึ้นมาถือแล้วรีบเดินตามเรียน่าออกไป
หลังจากที่ทานอาหารและอยู่พูดคุยกับพ่อแม่สักพัก
เรียน่าก็ขอตัวขึ้นห้องนอนโดยมีกาเรนเดินถือแฟ้มเอกสารตามไปด้วย แต่เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าห้องเรียน่ากลับยื่นมือเข้าไปรับแฟ้มในมือชายหนุ่มขึ้นมาถือซะเองแล้วเปิดประตูเข้าห้องไปโดยไม่อนุญาตให้กาเรนตามเข้าไปในห้องเหมือนเคย
โดยให้เหตุผลว่าอยากจะใช้เวลาส่วนตัวเพื่อศึกษาประวัติผู้ชายที่กำลังจะออกเดตด้วยในวันพรุ่งนี้
ความจริงแล้วเธอไม่ได้สนใจแฟ้มพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
แต่เธอไม่อยากอยู่ในห้องกับเขาตามลำพังในช่วงเวลาที่เธอต้องการความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจครั้งนี้
เรียน่ามองรูปถ่ายของตัวเองและกาเรน
ใบหน้าที่เหมือนจะบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลานั่นเวลาอยู่กับเธอนั้นมันเต็มไปด้วยความสุข
แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่คิดจะไขว่คว้ามันไว้กับตัวทั้งที่เธอเปิดโอกาสให้ทุกเส้นทางแล้ว
หยดน้ำตาหล่นกระทบกรอบรูปในมือ
มันเป็นภาพที่มีความหมายสำหรับเธอมากเมื่อดวงตาที่เต็มไปด้วยความหมายคู่นั้นเงยหน้าขึ้นมองเธอที่กระโดดขี่หลังด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของเธอกับเขาในวันที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกในชีวิต
วันที่พ่อกับแม่ภูมิใจกับบัณฑิตจบใหม่ที่สามารถคว้าปริญญาสองใบในคราวเดียวกันและเป็นวันที่เธอร้องขอรางวัลจากกาเรนเป็นจูบแรกในชีวิตด้วยความรู้สึกหลากหลาย
มือนุ่มปาดน้ำตาแล้ววางกรอบรูปไว้ที่ใต้ลิ้นชักตามเดิม
มันเป็นความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ข้างในและต้องระบายมันออกมา
ร่างบางเดินไปหยิบแฟ้มสีดำที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานขึ้นมาเปิด
เธอไม่ได้อ่านเนื้อหาอะไรมากนอกจากชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของชายหนุ่ม
นิ้วเรียวกดเลขหมายโทรศัพท์ปลายทางสัญญาณดังขึ้นสามสี่ครั้งน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดก็รับสาย
“ฉันโทรมารบกวนเวลาสนุกของคุณหรือเปล่า”
เรียน่าถามปลายสายเมื่อได้ยินเสียงดนตรีดังกระหึ่มด้านหลัง
ชายหนุ่มยกมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาดูหมายเลขหน้าจอก่อนจะรีบเดินหามุมที่สงบที่สุดเพื่อคุยกับปลายสายทันที
“ปะ..เปล่าครับ ผมพาลูกน้องที่สาขามาสังสรรค์นิดหน่อยกำลังจะกลับพอดี
คุณเจอร์ราโดมีอะไรให้รับใช้ครับ”
“พรุ่งนี้มารับฉันที่บ้านไปทำงานตอนเช้าเจ็ดโมง
อย่าสาย ฉันไม่ชอบคนที่ไม่ตรงเวลา” เรียน่ากดตัดสายทันทีที่แจ้งเรื่องให้ปลายสายทราบเรียบร้อยแล้ว
ร่างบางล้มตัวลงนอนแค่จะคบใครสักคนทำไมชีวิตเธอถึงต้องวุ่นวายขนาดนี้นะ
รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดหน้าประตูบ้านก่อนเวลานัดหมายห้านาที
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก้าวลงจากรถขยับเนกไทและเสื้อผ้าให้เข้าที่รอต้อนรับเจ้าหญิงแห่งวงการมาเฟียที่กำลังจะออกไปทำงานในอีกห้าหน้าทีข้างหน้า
“คิดดีแล้วใช่ไหม” กาเรนถามร่างบางเมื่อเดินออกมาจากตัวบ้านแล้วพบเข้ากับหัวหน้าสาขาตูรินที่ยืนรอรับเธออยู่ข้างรถ
“คิดมาเป็นพันๆรอบแล้ว”
เรียน่าตอบกาเรนที่เดินออกมาขึ้นรถพร้อมกับเธอ
“อากาศหนาวอย่าลืมผ้าพันคอสิคะ”
โรเซตาเดินตามมาเขย่งปลายเท้าเพื่อสวมผ้าพันคอให้กับชายหนุ่ม
ขณะที่สาวใช้อีกคนถือกระเป๋าของเธอเดินตามมาข้างหลัง
ภาพที่เห็นสร้างความโมโหให้เรียน่าเป็นอย่างมากเธอจึงคว้ากระเป๋าของตัวเองจากสาวใช้มาถือไว้ซะเองแล้วเรียกเดียอโลให้ขึ้นรถตามมาทันที
“ออกรถ”
“แต่คุณกาเรน...”
“ฉันบอกให้ออกรถไม่ได้ยินหรือไง
หรือว่าอยากตาย” น้ำเสียงเย็นเยียบบาดลึกเข้าไปถึงกระดูก
หากเปรียบน้ำเสียงของเธอเป็นมีดแล้วละก็มันคงบาดลึกจนหัวหลุดจากบ่าก็เป็นได้
รถยนต์ประจำตำแหน่งของเดียอโลพุ่งตัวออกจากบ้านหลังใหญ่อย่างรวดเร็วโดยไม่รอมือขวาหนุ่มอย่างกาเรนที่กำลังรับผ้าพันคอจากโรเซตาด้วยความกลัวตาย
ร่างสูงใหญ่ของกาเรนรีบคว้าผ้าพันคอจากมือของโรเซตาแล้วรีบวิ่งตามรถคันหรูที่ขับออกไปแต่ก็ไม่ทัน
ชายหนุ่มวิ่งตามรถของเดียอโลจนรู้สึกเหนื่อยหอบก่อนจะหยุดวิ่งแล้วขึ้นรถอีกคันที่ขับตามออกมาตามเธอไป
เดียอโลก็รู้สึกหวาดกลัวคนข้างตัวไม่ต่างกันความโหดเหี้ยมและเด็ดขาดที่เคยเจอทำให้ชายหนุ่มนั่งเงียบตลอดทางแทบจะลืมหายใจ
ถึงแม้เขาจะเป็นหัวหน้าสาขาตูรินที่ต้องคุมลูกน้องอีกนับพันแต่ความเคร่งขรึมและเด็ดขาดนั้นสู้ผู้หญิงอย่างเรียน่าไม่ได้เลย
เธอฉลาดและเก่งกาจแต่ก็สวยจนยากที่จะลืมได้แล้วมีหรือคนอย่างเขาจะไม่หลงรัก
เรียน่านิ่งเงียบมาตลอดทางในหัวมันมีแต่ภาพของกาเรนและโรเซตาเต็มไปหมด
ถึงแม้จะพยายามทำใจแต่เมื่อเห็นการกระทำของทั้งคู่เมื่อไหร่ใจมันร้อนรุ่มอยากจะแยกทั้งคู่ออกจากกันตลอดเวลา
เธอทำอย่างนั้นแน่หากกาเรนเอ่ยปากว่ารักเธอแต่เพราะเธอไม่รู้ความรู้สึกของชายหนุ่มว่ารักเธอหรือโรเซตากันแน่เธอจึงไม่ได้ทำอะไรลงไปและมันก็ยิ่งเจ็บปวดใจเมื่อต้องทนเห็นภาพบาดตาอยู่ร่ำไปทั้งใจมันเจ็บไปทั้งดวง
“ถึงแล้วครับคุณเจอร์ราโด”
เดียอโลเปิดประตูให้กับหญิงสาว ร่างบางลงจากรถในตอนที่รถอีกคันของเธอขับเข้ามาจอดต่อด้านหลังพอดี
“เรียน่า” กาเรนรีบลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปหาร่างบาง
แต่เรียน่ากลับคว้าแขนของเดียอโลแล้วเดินเข้าไปในบริษัท ชายหนุ่มจึงได้แต่กำหมัดแน่นแล้วเดินตามคนทั้งคู่เข้าไปด้านในด้วยใจที่เจ็บจนสั่นไปหมด
เธอเกือบจะใจอ่อนอยู่แล้วถ้าไม่เห็นผ้าพันคอสีน้ำตาลที่โรเซตาเป็นคนสวมมันให้กับเขา
ทุกสิ่งทุกอย่างดูขัดตาไปหมดเมื่อของสิ่งนั้นมาจากผู้หญิงคนนั้น
อยากจะเข้าไปกระชากแล้วลงกับพื้นกระทืบซ้ำๆให้สมกับความเกลียดชังที่บังอาจมาแย่งคนรักของเธอ
แต่อีกใจก็ทำไม่ได้เพราะเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันจนวันนี้ก็มีเพียงโรเซตาคนเดียวเท่านั้น
อัลโล เดียอโล
หัวหน้าสาขาตูรินที่มียอดขายและการผลิตมาเป็นอันดับสองของอาณาจักรฟาลโค
หนุ่มเนื้อหอมที่เป็นที่หมายปองของสาวๆในอาณาจักรฟาลโคในตูริน
ชายหนุ่มเฝ้าดูแลเรียน่าและคอยรับสายจากสาขาตลอดเวลาเพราะงานที่ไม่ลงตัวแต่ก็สามารถเอาใจเจ้าของห้องตามประสาหนุ่มเนื้อหอมได้เป็นอย่างดี
“พักเที่ยงได้แล้วครับคุณเจอร์ราโด”
“เรียกเรียน่าเฉยๆก็ได้ค่ะ”
“ครับ
งั้นก็เรียกผมว่าอัลโลเฉยๆนะ”
เรียน่ายิ้มให้กับคนตรงหน้าเมื่อชายหนุ่มยอมตามใจเธอทุกอย่างแต่อีกนัยก็เป็นการโชว์ความหวานให้ใครบางคนเห็นไปในตัว
กริ๊งง กริ๊งง
“รอผมสักครู่นะครับ”
เดียอโลรับโทรศัพท์แล้วหันหน้าออกไปคุยที่มุมห้องแต่เป็นงานที่สาขาทุกครั้งจนตอนนี้เธอนึกไอเดียดีๆขึ้นได้
“ไปกันเถอะครับ อยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหม”
เดียอโลหันกลับมาถามร่างบางที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“เดี๋ยวก่อนค่ะ
ที่สาขามีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
“ก็นิดหน่อยครับ
มีออเดอร์เข้ามาล็อตใหญ่ผมจึงให้เลขาส่งรายละเอียดเข้ามาในเมล์ให้ผมได้เช็คก่อนและลูกค้าขอราคาพิเศษด้วยจึงต้องดูว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถลดได้หรือเปล่าจึงวุ่นวายกันหน่อยครับ”
“งานสำคัญจริงๆซะด้วยสิคะ”
เรียน่ามองหน้าชายหนุ่มแล้วหันไปจ้องหน้ากาเรนที่อยู่เยื้องไปด้านหลัง “กาเรน
ไปทำงานแทนอัลโลที่สาขาตูรินทีนะ”
“คงไม่ได้ครับ
เพราะผมมีหน้าที่ดูแลคุณเรียน่า”
“ฉันดูแลตัวเองได้
และตอนนี้ฉันก็ได้ผู้ช่วยคนใหม่แล้วใช่ไหมคะอัลโล” เรียน่าหันไปถามเดียอโลที่ยืนมองสลับไปมาทั้งสองคน
“ครับ”
“รีบกลับไปเก็บของที่บ้านแล้วออกเดินทางเลยนะกาเรน
อย่าให้บริษัทต้องเสียงานใหญ่”
ร่างบางหยิบกระเป๋าของตัวเองแล้วเดินเกาะแขนเดียอโลออกจากห้องปล่อยให้กาเรนมองตามทั้งคู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ไม่สนใจเขายังไม่พอยังไล่เขาไปไกลถึงตูรินอีกไหนเมื่อคืนบอกอ่านแฟ้มบ้าๆนั่นไงทำไมถึงยังเลือกมัน
เดียอโลผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อผ่านไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ถึงแม้แจะมีอาการเกร็งอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนักเมื่อเทียบกับแรก
ชายหนุ่มรู้สึกว่าเรียน่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเมื่อซ้ำยังดูอ่อนหวานอย่างไม่น่าเชื่อ
ถึงแม้บางครั้งจะชอบเหม่อลอยและเย็นชาก็ตามแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
เดียอโลแอบจ้องใบหน้างามที่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านเอกสารที่อยู่ในมือ
หากคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้เขากับเธอคงได้กันไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งแต่นี่เป็นถึงว่าที่หัวหน้าแก๊งมาเฟียอันดับหนึ่งของอิตาลีเขาจึงต้องสงวนท่าทีเอาไว้ก่อน
แต่เวลาก็ไม่คอยท่าเช่นเดียวกันหากไม่รีบจับให้อยู่หมัดเธออาจจะเบื่อแล้วเรียกคนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนเขาก็เป็นได้
กองแฟ้มเอกสารตรงหน้าดึงความสนใจของเรียน่าให้จมอยู่กับเนื้อหาจนไม่สนใจผู้ชายที่อยู่ร่วมห้อง
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็แอบเหลือบมองไปที่โต๊ะทำงานของกาเรนบ่อยครั้งตามความเคยชิน เดียอโลจัดการงานส่วนของกาเรนทั้งหมดได้อย่างไม่มีที่ติสมกับเป็นมือดีที่มียอดขายเป็นอันดับสอง
“อ๊าก..”
เดียอโลร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกร่างบางจับแขนไพล่ไปด้านหลังแล้วกดใบหน้าลงกับโต๊ะ
“คิดจะทำอะไร”
ความกลัวแล่นจากปลายเท้าขึ้นมาถึงเส้นผมแล้วย้อนกลับลงไปที่ฝ่าเท้าสลับไปมา
ไม่คิดว่าการที่เดินอ้อมมาด้านหลังจะทำให้เกิดเรื่องน่ากลัวถึงขนาดนี้ แววตาของเธอที่จ้องมองเด็ดเดี่ยวถึงจะตัวเล็กกว่าเขาแต่ทักษะการต่อสู้ที่สูงกว่าทำให้เธอสามารถจับจังหวะความได้เปรียบของทักษะจับเขาที่มีรูปร่างสูงใหญ่ลงกับโต๊ะพร้อมกับจ่อปืนไว้ที่หัว
“ฉันถามว่าคิดจะทำอะไร”
“ปะ..เปล่าครับ
โอ๊ย!” เดียอโลร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อร่างเล็กโถมน้ำหนักตัวลงบนแผ่นหลังแล้วบิดข้อมือจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น
“แล้วเข้ามาข้างหลังฉันทำไม”
สัญชาตญาณนักฆ่าถูกปลุกขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวด้านหลังในระยะประชิด
ว่าที่หัวหน้ากลุ่มฟาคโคอย่างเธอถูกฝึกให้ระมัดระวังตัวตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเวลาหลับหรือตื่น
เพราะคนที่จ้องจะทำร้ายไม่เลือกเวลาที่จะลงมือเธอจึงต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อนถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะอยู่ในสถานะคู่เดตของเธอก็ตาม
“ผม..ผมแค่เข้ามาดูว่าเรียน่าอ่านอะไรอยู่ถึงไม่ได้ยินที่ผมเรียกตั้งหลายครั้งเท่านั้นเองครับ”
“จริงเหรอ” เสียงของเธอยังคงแข็งกระด้างและไม่เชื่อใจอีกฝ่ายมากนักจึงกดปากกระบอกปืนลงบนขมับซ้ายของชายหนุ่มจนสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายไปทั่วใบหน้า
“จริง..จริงครับ”
เดียอโลตอบเจ้าของกระบอกปืนที่จอหัวด้วยความกลัว
ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ชายและเป็นมาเฟียเหมือนกับเธอแต่ความน่ากลัวของเรียน่านั้นเขาเทียบเธอไม่ติด
ความน่ากลัวที่มีมากกว่าผู้ชายอย่างเขาหลายเท่าทำให้ร่างกายที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตอนนี้สั่นสะท้านไปด้วยความกลัวซ้ำยังรู้สึกหนาวทั้งที่เหงื่อชุ่มไปทั่วตัว
ดีที่คิดหาข้อแก้ตัวทันหากรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วที่เขาเข้ามาใกล้เธอด้านเป็นเพราะคิดจะรวบรัดเธอแล้วละก็
มีหวังไม่ต้องถามหาเหตุผลสักคำคงได้ลงไปอ้อนวอนกับพระเจ้าในนรกไปแล้วตอนนี้
“ถ้าคิดจะเล่นไม่ซื่อหรือคิดจะทำอะไรลับหลังฉันละก็”
เสียงเย็นบาดผิวเป็นริ้วๆดังขึ้นใกล้ใบหูจนลืมหายใจ
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายเพราะความกลัวที่ทะลุเข้ามาถึงข้างในเหมือนถูกกระสุนฝั่งอยู่ในตัวทั้งที่ไม่ได้ลั่นไกปืน
“เตรียมตัวตายได้”
เรียน่าปลดล็อคไกปืนแล้วปล่อยร่างชายหนุ่มให้เป็นอิสระก่อนจะเก็บปืนคู่ใจไว้ในถุงเก็บปืนที่รัดกับสายถุงน่องสีดำของเธอ
เดียอโลรีบลุกขึ้นกลับไปนั่งประจำโต๊ะทำงานของตัวเองวินาทีนี้ใครจะว่าเขาเป็นผู้ชายขี้ขลาดก็ยอมหากต้องแลกกับการเอาชีวิตรอดแล้วละก็เขาขอขี้ขลาดแล้วกลับไปดูแลสาขาตูรินพร้อมกับมีสาวๆรุมล้อมเหมือนอย่างเดิมดีกว่า
อย่างน้อยก็ยังมีอำนาจและลูกน้องอยู่ในมือดีกว่าเอาชีวิตมาตายกับความโลภที่อยากจะเป็นใหญ่ของตัวเอง
รถยนต์คันหรูแล่นออกฟาลโคอินดัสตรี้
ไม่มีเสียงชวนคุยของชายหนุ่มที่พยายามผูกสัมพันธ์เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอบริษัทและหัวหน้ากลุ่มฟาลโค
เดียอโลจมอยู่กับความคิดและคำพูดที่อยากจะพูดกับคนข้างกายแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเพราะไม่รู้ว่าใบหน้าที่เรียบเฉยของเรียน่านั้นตอนนี้รู้สึกอย่างไร
หากพูดอะไรไม่ระวังออกไปมีหวังลูกตะกั่วที่แอบอยู่ใต้เรียวขาสวยนั่นคงย้ายจากรังเพลิงเขามาอยู่ในสมองของเขาแทน
“พรุ่งนี้มารับฉันเวลาเดิมนะ”
“เอ่อ..คือ..คือว่า”
“มีอะไรก็พูดมา”
“ผม...ผมจะขอถอนตัวครับ”
“ทำไม”
เรียน่าถามชายหนุ่มด้วยความสงสัยโดยไม่รู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองที่ใช้พูดคุยกับคู่เดตของตัวเองนั้นห้วนและแข็งกระด้างจนชายหนุ่มแอบตกใจหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว
“คือ...คือผมคิดว่าผมไม่คู่ควรกับเรียน่า”
“บอกฉันมาตามตรง
ฉันไม่ชอบให้พูดอ้อมค้อม” ดวงตาสีดำสนิทมองคนข้างตัวด้วยสายตาคาดคั้น เธอไม่ชอบคำพูดสวยหรูที่ต้องตีความเอาเองสู้พูดแบบตรงๆให้เข้าใจง่ายๆเลยจะดีกว่า
“ฉันไม่โกรธถ้าพูดความจริง
แต่ถ้ายังพูดอ้อมค้อมก็เตรียมตัวงดใช้ปากไปตลอดชีวิตได้เลย”
“ผมกลัวคุณเรียน่าครับ”
เดียอโลรีบตอบเรียน่าทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกเธอจับทำอะไรกับปากจนไม่สามารถพูดได้อีกตลอดชีวิตตามคำขู่ของเธอ
“ถึงแม้บางครั้งคุณจะดูอ่อนหวานแต่ความแข็งกระด้างของคุณมีมากกว่า
ผมชอบผู้หญิงที่เอาอกเอาใจเก่งแล้วก็เก่งเรื่องบนเตียงด้วยครับ”
“ขอบคุณที่พูดความจริงกับฉันค่ะ”
เรียน่าหันกลับไปมองถนนด้านหน้า
คงจะจริงอย่างที่ชายหนุ่มว่าเธอถูกเลี้ยงมาให้เข็มแข็งจึงมักดูเหมือนแข็งกระด้างและเย็นชาแต่นั่นก็เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของเธอต่อคนอื่น
และความอ่อนหวานก็เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของเธอที่มีต่อพ่อแม่และกาเรนคนเดียวเท่านั้น
แค่คิดถึงกาเรนน้ำตาก็รื้อขึ้นมาแต่เธอก็ลบมันออกไปได้เมื่อรถยนต์ที่เธอโดยสารมาเกือบหนึ่งอาทิตย์จอดสนิทที่หน้าประตูบ้านของเธอ
“ขอบคุณที่มาส่ง
และขอบคุณสำหรับหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ”
คงต้องปรับอะไรอีกหลายอย่างเลยสินะเรียน่า
ฝากเข้าไปกดถูกใจเพจด้วยนะคะ อัพเดตผลงานติดตามการเคลื่อนไหวได้ที่...
https://web.facebook.com/Rakladawriter/