ร่วมแชร์นิยาย ให้กำลังใจนักเขียนกันเถอะ =D
ในที่สุดสาวน้อยเจ้าของเรือนกายสีน้ำผึ้งก็พาตัวเองเข้ามาเกี่ยวพันกับสถานการณ์น่าอึดอัดและอดสูเข้าจนได้ ช่วงเช้าวันเสาร์ก่อนไปช่วยทำงานครัวตามปกตินั้นเธอตัดสินใจกัดฟันแจ้งคุณท่านว่าตัวเองยินดีทำตามที่หลานชายผู้มีพระคุณร้องขอ ตอนนี้เธอจึงถูกพาตัวมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือดและจัดการฉีดยาคุมกำเนิด
“ให้ฉันดูแลเรื่องนี้เถอะนะแม่จ๋าไม่ใช่ว่าจะรังเกียจอะไรหากจะมีหลานของฉันเกิดขึ้นมา แต่ในสถานการที่ไม่พร้อมแบบนี้ฉันไม่อยากเอาอนาคตของหนูมาเสี่ยงแค่นี้ฉันก็ขอในสิ่งที่มันทำร้ายจิตใจเรามากเกินไปแล้ว” หญิงชราให้เหตุผลที่แม้มันจะฟังแล้วเห็นแต่ตัวแต่หญิงสาวก็ต้องยอมรับ เธอเข้าใจดีว่าการถือกำเนิดเกิดมาในช่วงเวลาที่ไม่มีใครต้องการนั้นเป็นเรื่องทรมานใจเพียงใด
จิณณพัตไม่เคยได้สัมผัสอ้อมอกอบอุ่นของคนเป็นแม่เพราะผู้ให้กำเนิดนั้นมีวังวนชีวิตอยู่แค่คุกกับซ่องและไม่เคยแม้แต่จะเห็นเงาของผู้เป็นพ่อ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาสิบเจ็ดปีก็มีเพียงคุณท่านและป้าอังกาบที่รักและดูแลเธออย่างดีเสมอมา หากเธอจะมีลูกก็อยากให้เด็กน้อยนั้นเกิดมาจากความรักมิใช่ความผิดพลาดจากความใคร่ของตัวเองหรือของชายมักมาก
การถูกเพื่อนล้อว่าอีเด็กลูกไม่มีพ่อมีแม่มันเจ็บร้าวในใจดวงน้อยยิ่งนัก ยิ่งเวลาเห็นผู้ปกครองของเพื่อนๆ มารับมาส่งที่โรงเรียนเด็กสาวก็พาลน้ำตาจะไหลเธออยากมีโอกาสกระพุ่มมือน้อยขึ้นไหว้แล้วกล่าววาจาว่าสวัสดีค่ะคุณพ่อ สวัสดีค่ะคุณแม่เหลือเกิน
แต่มีอีกเรื่องที่หญิงสาวคงไม่ทราบคือคุณท่านสั่งกำชับให้หลานชายคนเดียวมาตรวจร่างกายเช่นกัน และเมื่อกรินทร์ได้ครอบครองเด็กสาวตามที่ต้องการสิ่งหนึ่งที่หญิงชราขอไว้คือให้หลานชายมีสัมพันธ์กับจิณณพัตเพียงแค่คนเดียว และหากละทิ้งกันไปเมื่อไหร่กรินทร์อยากจะทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยชายไปมานางก็จะไม่ก้าวก่าย แค่ขอให้ชายหนุ่มนั้นถนอมน้ำใจเด็กสาวเอาไว้บ้างก็พอ
แม้ใจจริงของหญิงชราจะแอบหวังว่ากรินทร์อาจจะมีใจให้จ๊ะจ๋าสักวันหนึ่ง หากสองหนุ่มสาวได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นความน่ารักสดใสและไร้เดียงสาอาจจะเปลี่ยนคนใจร้ายให้มีจิตใจละเอียดอ่อนขึ้นมาบ้าง คุณปรารถนารู้ว่าตนเองทำผิดอย่างไม่น่าอภัยที่ดึงชีวิตของคนอื่นมาเป็นเครื่องต่อรองเช่นนี้แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนางจะไม่มีทางทอดทิ้งจิณณพัตแน่นอน
ปิ๊น ปี๊น
เสียงแตรรถยนต์ที่บีบไล่หลังทำให้ช่วงขายาวๆ ที่กำลังจ้ำเดินหยุดชะงักและหันไปมองหาต้นเสียง รถคันหรูหรากับป้ายทะเบียนที่คุ้นตาทำให้คิ้วคมขมวดเป็นปมเล็กน้อยเพราะหลังจากวันที่เธอไปขอเจรจากรินทร์ก็ไม่ได้กลับบ้านมาสัปดาห์กว่าๆ แล้ว มันเป็นเรื่องปกติสำหรับช่วงสอบที่เขาจะไปติวหนังสือและค้างที่คอนโดแทน เห็นเขาร้ายๆ แบบนี้แต่ก็ฉลาดแถมยังเรียนดีเป็นที่สุด
“จ๊ะจ๋ามาขึ้นรถดิ” ใบหน้าหล่อเหลาด้วยส่วนผสมจากมารดาที่เป็นชาวต่างชาติเปิดกระจกเรียกหญิงสาวในชุดมัธยมปลายที่หันมาทำหน้านิ่วคิวขมวดใส่เขา กรินทร์เพิ่งสอบเสร็จและกำลังล้าทั้งสมองล้าทั้งร่างกายแต่เหมือนโชคยังเข้าข้างที่เขากลับบ้านมาเจอขนมหวานจานอร่อย
“...”
“เร็วๆ จ๊ะจ๋า” เขาตะโกนสั่งโดยเพิ่มเสียงดังเสียจนเจ้าของชื่อสะดุ้ง เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังปนหงุดหงิดของเขาจิณณพัตจึงจำใจเดินเข้าหาและเปิดประตูรถคันโตขึ้นไปนั่งทันที
“ต้องให้เรียกเสียงดังนะเธอน่ะ” ผู้ชายข้างๆ ยังไม่วายบ่น
“คุณกรินทร์จะพาจ๋าไปไหนคะ” หญิงสาวเลือกที่จะไม่สนใจน้ำเสียงหงุดหงิดนั้นแต่ตั้งคำถามแทนเมื่อเห็นว่าเขากลับรถมุ่งหน้าไปยังทิศทางตรงข้ามกับตัวบ้าน
“ไปหาข้าวกินกัน”
“แต่ข้าวที่บ้านก็มีนะคะ จ๋าว่า...”
“ก็อยากกินนอกบ้าน... ไปคุยกันหน่อยแล้วกัน” กรินทร์พูดสั้นๆ ขณะที่ยังเพ่งสมาธิไปยังหนทางเบื้องหน้า คุณย่าบอกเขาแล้วว่าเด็กของท่านยอมทำตามที่ตัวเขาต้องการ และคุณย่าเองก็มีเงื่อนไขให้เขาทำตามเช่นเดียวกันซึ่งกรินทร์ไม่มีปัญหากับสิ่งที่ท่านขอ เพราะปกติเขาก็คบสาวๆ และมีความสัมพันธ์ครั้งละคน นานๆ จะมีวันไนท์สักที ยิ่งเรื่องป้องกันไม่ต้องห่วงเขาไม่เคยพลาดที่จะสวมถุงยางอนามัยเลยสักครั้ง
กรินทร์ยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ชายรักสนุกแต่ก็หวงชีวิตโสดและความเป็นส่วนตัวเช่นกันเขาไม่มีทางมักง่ายไปหาห่วงมาผูกคอตัวเองเอาไว้แน่นอน
“คุณย่าบอกว่าเธอยอมทำตามที่ฉันต้องการ” หลังจากพาหญิงสาววัยมัธยมปลายมานั่งในร้านอาหารไทยมีชื่อในห้างสรรพสินค้าและสั่งอาหารเรียบร้อยเขาก็เปิดประเด็นพูดกับคนตรงหน้าทันที
“ค่ะ” จิณณพัตยังคงหลุบตาลงต่ำนั่งมองมือที่ประสานกันอยู่บนตัก ผิวเนื้อนวลที่สองข้างแก้มรู้สึกร้อนวูบวาบไม่ใช่ว่าเธอเขินแต่หญิงสาวกำลังอับอายต่างหากล่ะ
“คุณย่าพาเธอไปเตรียมตัวแล้วใช่ไหมตรวจร่างกายแล้วก็ฉีดยาคุม” กรินทร์ยังคงพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจสีหน้าของหญิงสาวในชุดนักเรียนเลยแม้แต่น้อย เขาพูดเหมือนสิ่งที่ตัวเองต้องการนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาเหมือนกับโบกรถไอศกรีมแล้วซื้อกินอย่างไงอย่างงั้น
“ค่ะ”
“นี่เธอพูดได้แค่นี้หรือไงจ๊ะจ๋า” คิ้วเข้มของหนุ่มลูกครึ่งยกขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่มีประกายสีทองระยิบระยับนั้นจับจ้องดวงหน้ารูปไข่ที่หลุบต่ำอยู่โดยไม่วางตา
“ก็จ๋าไม่รู้จะพูดอะไรนี่คะ” หญิงสาวตอบยาวขึ้นแต่ยังไม่ยอมช้อนตาขึ้นมามองหน้าเขา ถอนตัวก็คงไม่ได้ขนาดเขาแค่ถามเธอยังรู้สึกอับอายขนาดนี้แล้วหากมันถึงตอนนั้นจริงๆ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
“ไม่พูดก็กินเยอะๆ ฉันไม่ชอบผู้หญิงอ้อแอ้อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง” รอไม่นานอาหารหน้าตาน่าทานที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ กรินทร์ตักโน่นตักนี่เข้าปากเคี้ยวทานอย่างเอร็ดอร่อย แต่จิณณพัตนั้นกลืนข้าวทุกคำลงคอด้วยความรู้สึกฝืดฝืน
ในที่สุดมื้ออาหารที่สุดแสนทรมานจิตใจก็ผ่านพ้นไปในที่สุดกรินทร์จัดการพาหญิงสาวขับรถมุ่งกลับบ้านโดยไม่ได้แวะเดินเล่นแต่อย่างใด เขาแค่อยากดูปฏิกิริยาของแม่กระต่ายป่าตัวเปรียวว่าจะแสดงทีท่าอย่างไรออกมา เธอดูนิ่งสงบกว่าที่เขาคาดเอาไว้มากนักแต่ก็ไม่แน่หรอกเพราะผู้หญิงบางตนก็มีมารยามากมาย สิ่งที่เห็นตรงหน้าอาจจะเป็นภาพลวงตาไม่ได้เป็นตัวจริงของเธอ
“คุนกรินทร์จะพาจ๋าไปไหนอีกคะ” หญิงสาวร้องถามเมื่อถึงบ้านแล้วชายหนุ่มกลับจับจูงมือน้อยลากเธอให้เดินตามเขา ไม่ยอมปล่อยให้เธอไปหาคุณท่านหรือกลับเข้าห้องพักส่วนตัวอย่างที่มันควรจะเป็น
“ก็พาเธอไปทำตามสัญญาไง”
จิณณพัตสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินวาจาร้ายกาจถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากคมหนา เขาช่างพูดจาเรื่องนี้ได้อย่างไม่ละอายไม่รู้สึกรู้สาอะไรเสียเลย เขาใจร้ายขนาดจะไม่ยอมให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจเลยหรือไงกัน
“แต่จ๋า”
“ถ้าเธอตามใจฉันมันจะเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเธอดื้อฉันก็ไม่รับประกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงเรียบๆ ของเขาสะกดให้หญิงสาวที่กำลังหน้าเสียหยุดอาการดีดดิ้นในทันที เธอยอมรับว่ากลัวเขากลัวว่ากรินทร์จะทำร้ายร่างกายเธอเข้าถ้าหากหญิงสาวอาจหาญไปขัดใจ
เมื่อเด็กสาวที่ถูกเขาขู่ยอมให้มือหนาจับจูงเธอมาอย่างว่าง่ายกรินทร์ก็ลอบยิ้มกริ่ม ขู่นิดขู่หน่อยก็กลัวเสียแล้วนะแม่กระต่ายตื่นตูม
“เป็นเด็กดี... แล้วเธอจะชอบ” เสียงทุ้มของเขากระซิบชิดติดข้างหูเมื่อหญิงสาวมานั่งทำตัวแข็งอยู่ที่ปลายเตียง กรินทร์ปลดเสื้อนักศึกษาออกจากตัวเองเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ผู้ชายตัวโตที่มีเรือนกายขาวผ่องกำลังยืนโชว์กล้ามท้องแน่นๆ อยู่ตรงหน้าโดยไม่มีทีท่าว่าเขาจะสนใจในความประหม่าและเขินอายของเธอเลยแม้แต่น้อย
“แต่จ๋า...” หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำใสที่กำลังเอ่อคลอนัยน์ตาสีเข้ม เธอกลัวเขา เธอกำลังกลัวกรินทร์เหลือเกิน แม้เธอกับชายหนุ่มจะรู้จักมักคุ้นกันประมาณหนึ่งแม้จะไม่ถึงขั้นรู้จักกันเป็นการส่วนตัว กับการที่เขามาพ่นลมหายใจที่ฮืดฮาดกับสายตาโลมเลียที่แสนหยาบคายแบบนี้นั้นทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง
มือใหญ่ปลดกระดุมชุดนักเรียนที่จิณณพัตสวมใส่อยู่ช้าๆ สองเต้าอวบเต่งที่ถูกโอบอุ้มไว้ในกรวยผ้าสีขาวนั้นทำเอาเขาขนกายลุกซู่ซ่า ขนาดมองผ่านเนื้อผ้าบางๆ ของเสื้อซับในและชุดชั้นในเขายังรู้เลยว่ามันแสนจะเต็มไม้เต็มมือ กรินทร์อยากรู้เหลือเกินว่าเต้าทรวงคู่งามนี้นอกจากเขาแล้วมันมีใครเคยได้สัมผัสมันมาก่อนหรือเปล่า แต่หากจะมีก็ไม่เป็นไรเพราะจากวันนี้จ๊ะจ๋าจะจดจำสัมผัสของเขาได้แค่คนเดียว
“เคยเอากับใครหรือยัง?” คำถามที่ตรงเกินไปทำเอาหญิงสาวแทบสะอึก หลังจากที่เขาถอดเสื้อเธออกไปจนร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่ากรินทร์ก็ถามคำถามบ้าๆ ออกมา
“จ๋า... จ๋าไม่” หญิงสาวพูดออกมาได้แค่นั้นเพราะเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างถูกดันขึ้นมาจุกคอหอย
เงารักรััตติกาลวางจำหน่ายแล้วในรูปแบบ E-Bookนะคะ
ขอบคุณนักอ่านที่น่ารักสำหรับการติดตามและการสนับสนุน
ฝากผลงาน E-Book เรื่องที่วางจำหน่ายแล้วไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ