ร่วมแชร์นิยาย ให้กำลังใจนักเขียนกันเถอะ =D
เสือขับรถด้วยความเร็วผ่านช่องเขาลัดเลาะ
เข้าทางลัดเพื่อจะเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาสก
ตั้งใจว่าจะพาเธอไปสงบสติอารมณ์และตกลงอะไรบางอย่างที่นั้น ที่ๆ
เขาและเธอเคยขับรถมาเมื่อตอนที่เสือสอบได้ใบขับขี่เมื่ออายุ 18 ปี
และขับพาเธอมาเที่ยวสองต่อสอง ซึ่งตอนนั้น อิงฟ้า มีอายุแค่ 13 ปีเท่านั้นเอง
ความผูกพันธ์รักใคร่เหมือนเป็นพี่น้อง
ปรัญช์ เพชรรัชตะ และเพชร โรจกรณ์ คุณพ่อของเสือ
เพชรเป็นลูกน้องคนสนิทของคุณปรัญช์
ทำงานด้วยกันตั้งแต่คุณปรัญช์เริ่มบุกเบิกธุรกิจสถานบันเทิงที่หาดป่าตอง
ยังไม่มีทรัพย์สินมากมายเหมือนตอนนี้
ความที่ซอยบางลาเป็นที่หมายตาของนักธุรกิจหลายต่อหลายคนและวงการมาเฟียหรือวงการเจ้าพ่อต่างชิงดีชิงเด่น
แกร่งแย่งกันเพื่อความเป็นหนึ่งด้วยความเป็นหนุ่มไฟแรง
กล้าชนทุกคนเพื่อความเป็นหนึ่งของปรัญช์
ทำให้เป็นการสร้างศัตรูโดยแท้จริงและก็ได้เพชรอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่
เป็นเวลากว่าสิบๆ ปี จนถึงเมื่อคราวที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
วันนั้นคุณปรัญช์และเพชร
เดินทางไปดูที่ดินที่จะสร้างตึกเลี้ยงนกนางแอ่นแถวอำเภอโคลกกลอย จังหวัดพังงา
เขาสองคนอยู่คุยธุรกิจกันจนค่ำ
ขากลับวันนั้นเพชรไม่สบายมากและได้ทานยาแก้หวัดก่อนขึ้นรถ เพราะกะว่ามาถึงป่าตองจะได้เข้าทำงานดูแลดิสโก้แทนคุณปรัญช์เลย
เจ้านายจึงเป็นผู้อาสาขับรถให้เอง เมื่อทั้งสองคนกลับข้ามฝั่งมายังภูเก็ต
ยังไม่พ้นหมู่บ้านท่าเรือ แถวอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี
มีรถยนต์ตามประกบด้านข้างฝั่งของเพชร คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้กระหน่ำยิงคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับมากกว่าสิบนัด
ทำให้เพชรเสียชีวิตคาทีทันที คุณปรัญช์ได้หักหลบวิถีกระสุนจนรถตกข้างทาง
แต่โชคยังดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากวิถีกระสุน
แค่เฉียดผิวหนังไปบางส่วนของหัวไหล่และหน้าท้อง แต่ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน
เพราะศีรษะแตก แขนและไห่ปลาร้าหัก
วันที่เกิดเหตุ
เป็นวันที่เสือพาอิงฟ้าไปเที่ยวที่เขาสก และนอนพักที่บังกะโลเล็กๆ
ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาสก ที่มีชื่อว่า ทรีท๊อปบังกะโล ซึ่งมีบ้านพักอยู่บนต้นไม้
ทั้งสองมีความสุขในฐานะพี่ชายพาน้องสาวมาเที่ยว ความสนิทสนมเหมือนเป็นพี่น้อง
เสือรักดูแลเธอตั้งแต่เล็กๆ จึงทำให้เป็นที่ไว้ใจของทั้งสองครอบครัว ซึ่งวันนั้น
คุณเอมอรเป็นคนอนุญาตให้เสือพาอิงฟ้ามาเที่ยวเอง
เพราะเธอกับสามีไม่มีเวลาในส่วนนี้ที่จะดูแลอิงฟ้า
เนื่องด้วยกิจการที่กำลังรุ่งเรืองเดินไปข้างหน้า
แต่เมื่อกลับมาจากเที่ยวครั้งนั้น ทำให้เสือเงียบขรึมลง แต่ต้องยอมรับชะตากรรม
ทั้งสามคนแม่ลูกต้องย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ที่บ้านอิงฟ้านับตั้งแต่วันนั้น
และขณะนั้นสิงห์น้องชายเพิ่งจะอายุไดแค่ 9 ปีเอง
จากที่โหมทำงานหนักของทั้งคุณปรัญช์และคุณเอมอร
แต่คุณเอมอรผู้ซึ่งมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก และเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว
เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด
ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพขึ้นชัดเจนในช่วงนี้ ด้วยความดีและความสงสาร
แล้วคุณเอมอรไม่สามารถมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับคุณปรัญช์ได้
เมื่อผ่านไปหนึ่งปีที่เพชรจากไป คุณเอมอรจึงเป็นคนเอ่ยปากขอร้องพะเยาด้วยตัวเธอเอง
ให้ยอมเป็นเมียอีกคนของปรัญช์ เพราะผู้หญิงยั่วเมืองเต็มหาดป่าตอง
เธอเกรงว่าสามีจะไปมีเล็กมีน้อยที่อื่น ทั้งๆ
ที่คุณปรัญช์ไม่ได้มีนิสัยเช่นนั้นเลย
อีกทั้งร้อยเหตุผลที่คุณเอมอรยกมาพูดกับทั้งสองคน
จนทำให้คุณพะเยายอมรับข้อเสนอที่ทางคุณเอมอรยื่นให้และด้วยบุญคุณข้าวแดงแกงร้อน
ตั้งแต่เพชรเสียชีวิต ทำให้เธอไม่มีที่พึ่งอื่นแล้ว
อิงฟ้าคิดว่าที่แม่เธอป่วยและต้องเสียชีวิตด้วยวัยที่ไม่สมควรจากไปและเหตุผลที่ทั้งพ่อและแม่ไม่เคยบอก
ในตอนที่เธออายุ 15 ปี คุณเอมอรได้เสียชีวิตลงกะทันหัน
ทำให้คุณพ่อตัดสินใจส่งเธอไปเรียนที่ประเทศออสเตรเลียและส่งเสือไปเรียนที่นั้นคู่กับเธอด้วย
ความรู้สึกของอิงฟ้าเปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันที่แม่เธอจากไป
ความน่ารักและความไร้เดียงสา
เด็กสาวที่ว่านอนสอนง่ายของพี่เสือได้ตายไปจากโลกนี้ไปด้วย
เธอมองพี่เสือและแม่ของเขาเป็นศัตรู หน้าของเขาเธอก็ยังไม่อยากจะมอง
แต่การอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองคนที่ออสเตรเลีย พี่เสือคนที่ห่วงใยน้องอิงฟ้าเสมอ
และต้องเป็นผู้ดูแลเด็กสาวที่เอาแต่ใจเพียงลำพัง
เขาทำให้หนูอิงทุกอย่างที่เธอปรารถนา
แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือคำพูดที่เชือดเฉือนและจิตใจที่หยาบกระด่าง
พี่เสือที่หลงรัก
เขารักเธอ เขาจึงยอมได้ทุกอย่าง เขาบอกตัวเองเสมอไม่ให้อาจเอื้อม
แตะต้องเธอตามความต้องการข้างในใจของตัวเขาเองตลอดมา มีเพียงคุณปรัชญ์ที่มองออก
และรู้เห็นความจริงใจของเสือที่มีต่ออิงฟ้า
เมื่อวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
เขาอยากประกาศให้โลกรู้ว่าเขารักเธอ เขาอยากเป็นเจ้าของตัวเธอและหัวใจของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
“เสือลุงจะยกอิงฟ้าให้เสือดูแล
เสือจะว่ายังไง”
เสียงคุณปรัญช์ถามเขาขึ้นเมื่อเย็นวันหนึ่งหลังจากกลับมาจากการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล
คุณพะเยาร้องไห้เบาๆ อยู่ข้างๆ น้ำตาไหล
จากการสนทนาก่อนหน้าทำให้ทุกคนได้รู้ว่า
คุณปรัญช์ด้วยวัย 65 ปี ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่สาม
แล้วเขาได้พูดคุยกับคุณหมอและได้รับการติดต่อมาจากแพทย์ที่โรงพยาบาลเฉพาะทางที่ลำปางในเรื่องมะเร็งโดยเฉพาะ
คุณปรัญช์ตัดสินใจเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน แต่ขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับสำหรับอิงฟ้า
“อิงฟ้าไม่มีใคร
นอกจากเสือ ลุงไว้ใจเสือมากนะ แต่ขอถามเสือสักคำ เสือรักหนูอิงไหม” ปรัญช์เอ่ยถามเขาตรงๆ เพราะความที่เป็นผู้ใหญ่และอาบน้ำร้อนมาก่อน
ช่างสังเกตและรับรู้ เห็นความรักและความห่วงใยที่เขามีต่ออิงฟ้าลูกสาวเพียงคนเดียว
ไม่ว่าอิงฟ้าจะร้ายจะแรงแค่ไหน เสือก็ยอมเธอทุกอย่าง
เสือพยักหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ครับ ผมรักหนูอิงครับ”
คุณปรัญช์ยิ้มระบายออกมาเต็มหน้าแบบโล่งอก
ก่อนจะเอื้อมมือไปจับคุณพะเยาที่นั่งอยู่ข้าง มีอาการเจ็บจุกขึ้นมาที่กลางลำตัว
คุณพะเยาตกใจรีบขยับเข้าดูอาการ
“เป็นไงบ้างคะคุณท่าน
เจ็บมากหรือคะ” เธอเอ่ยถามสามีและยังคงเรียกเขาเหมือนที่เคยเรียก
“อืม... นิดหน่อย”
คุณปรัญช์พูดแต่กดความเจ็บเอาไว้คนเดียว
ก่อนจะขยับตัวให้นั่งสบายขึ้น เมื่อความเจ็บที่มาเป็นช่วงๆ และจางหายไป
“เสือจัดงานแต่งงานภายในอาทิตย์หน้านี่เลยนะลูก
เสร็จงานแต่งงาน ลุงกับแม่ของเราจะเดินทางไปลำปางเลย”
เสือขยับตัวเข้าใกล้เขาด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน
สิ้นบุญพ่อก็มีลุงปรัญช์ที่ดูแลครอบครัวเขาเป็นอย่างดีและรักเขาเหมือนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนหนึ่ง
คุณปรัญช์เรียกคุณสมบูรณ์ทนายเข้ามาใกล้ๆ
แล้วโบกไม้โบกมือให้เสือออกไปจากห้อง งานแต่งจึงได้จัดขึ้นอย่างรีบเร่ง
โดยไม่ให้เจ้าสาวได้เตรียมตัว เพียงแค่บอกล่วงหน้าหนึ่งวันเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นชุด รองเท้า หรือทุกอย่าง เสือเป็นคนจัดการให้หนูอิงทั้งหมด
เขาผ่อนลมหายใจ
เมื่อเห็นสาวสวยที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างๆ เงียบเสียงไป
“คงจะเพลียและก็เหนื่อย” ใจของเขานึกสงสาร แต่ก็อดอมยิ้มด้วยความอิ่มเอมในหัวใจไปด้วยไม่ได้
ชายหนุ่มตั้งใจขับรถให้ช้าลงและไม่เหวี่ยงตอนเข้าโค้งมากๆ
เหมือนตอนแรกๆ ที่อยากแกล้งเธอกลับ เพื่อให้เธอนอนหลับได้สบายขึ้น
เขาจอดรถชิดข้างทาง ก่อนจะเอนเบาะลง และเอื้อมหยิบหมอนที่วางอยู่ด้านหลัง
มาวางกันไว้ไม่ให้หน้าเธอชนกับกระจกรถอีกข้าง ร่างบางไม่ได้รู้สึกตัว
สงสัยเมื่อคืน พี่เสือคงจะใช้งานตัวเธอหนักเกินไปแน่ๆ จากตรงนี้ไปอีกไม่ไกล
เสือเลี้ยวหัวรถเข้าปากทางที่เขียนว่าอุทยานแห่งชาติเขาสก เขาขับรถเข้าไปจนเกือบสุดเขตแดนทางเข้าเขตอุทยาน
ทรีท๊อป บังกะโล อยู่เบื้องหน้า
เขาหักเลี้ยวเข้าไปในเขตบังกะโลที่ติดกับที่ตั้งสำนักงานของเขตอุทยาน
เขาเอื้อมมือมาเขย่าที่ตัวเธอเบาๆ
“หนูอิง ถึงแล้วครับ” เสือเอ่ยเรียกหนูอิงเบาๆ
มีเด็กผู้ชายที่ให้การต้อนรับ ออกมาเคาะที่กระจกรถเรียกเหมือนเป็นการทักทาย
ก้มหัวลง
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายเมื่อเสือกดกระจกรถลง
“เดี๋ยวยกกระเป๋าลงด้วยนะครับ”
เขาเอื้อมมือไปกดปุ่มล็อค ก่อนที่เปิดประตูลงไปยืนข้างล่าง
“คุณเสือใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามชื่อเขา
ตามที่เสือได้โทรมาจองห้องพักไว้แล้ว
“ครับ
เอาทั้งหมดที่เห็นนี่ลงด้วยนะครับ” เขาตอบรับ
แล้วชี้ให้เด็กยกกระเป๋าทั้งสองใบที่วางอยู่หลังรถ และถุงใส่ของอีกสองสามถุง
ที่เขาแวะซื้อที่ปั๊มระหว่างเติมน้ำมัน ซึ่งอิงฟ้ายังคงหลับไม่รู้เรื่อง
“คุณเสือใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามชื่อเขา
ตามที่เสือได้โทรมาจองห้องพักไว้แล้ว
“ครับ เอาทั้งหมดที่เห็นนี่ลงด้วยนะครับ”
เขาตอบรับ
แล้วชี้ให้เด็กยกกระเป๋าทั้งสองใบที่วางอยู่หลังรถและถุงใส่ของอีกสองสามถุง
ที่เขาแวะซื้อที่ปั๊มระหว่างเติมน้ำมัน ซึ่งอิงฟ้ายังคงหลับไม่รู้เรื่อง
ชายหนุ่มเดินเข้าไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์ด้านใน
และสั่งให้ทำอาหารขึ้นไปเสิร์ฟที่ห้องพัก รวมถึงสั่งน้ำแข็งด้วย
เขามองตามหลังเด็กหนุ่มที่เรียกเพื่อนอีกคนมาช่วยหิ้วกระเป๋าและข้าวของทั้งหมด
ตรงไปยังห้องพักที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างครอบต้นไม้ใหญ่ในบริเวณของบังกะโล
“ดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย” เขาบอกกับตัวเองในใจ หมุนตัวมองความเขียวชอุ่มของอาณาบริเวณโดยรอบ
อิงฟ้าขยับตัว
รู้สึกว่ารถไม่ได้เขยื้อน รู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อย ได้ยินเสียงเสือเรียกแล้ว
แต่ยังไม่อยากจะลืมตา ขยับตัวลุกขึ้นนั่งตรง ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ
เสือมาถึงด้านข้างฝั่งที่เธอนั่ง เปิดประตูรถและคว้าเอวบางลงมาจากรถทันที
“ไปขึ้นไปที่ห้องพักกันดีกว่า” เขาใช้มือที่แข็งแรงกว่า
หนีบบังคับร่างบางให้เดินตามไปยังบ้านพักอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ยังคงงัวเงีย
อิงฟ้าจึงไม่ได้มีแรงขัดขืนเขาแต่อย่างใด เสือประคองร่างบางเดินขึ้นบันได
หลังจากที่เด็กชายสองคนเดินลงมาถึงชั้นล่าง เขายื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยให้คนละใบ
เด็กสองคนรับไหว้ยิ้มร่า
ห้องที่เสือเลือกอยู่สูงกว่าเพื่อน
หลังใหญ่ที่สุดในบังกะโลนี้ เขาดันหลังเธอให้เดินขึ้นไปด้านบน อิงฟ้าขาสั่นผับๆ
หันมามองหน้าเขา
“ไปสิครับ อย่าบอกนะว่ายังกลัว” เขาเอ่ยถามเธอเพราะรู้ว่าอิงฟ้าเป็นโรคกลัวความสูง
และที่เสือเลือกมาที่นี่ เธอจะได้ไม่หนีเขาไปไหนได้
เพราะความที่เธอไม่กล้าเดินลงบันไดที่สูงชันเพียงลำพังคนเดียว
เขาใช้อีกมือประคองจับข้อศอกเธอไว้และอีกมือจับราวบันได ส่งยิ้มหัวเราะออกมาเบาๆ
เมื่อเห็นกิริยาที่สั่นงันงกของหญิงสาวตรงหน้า “หนูอิง
ถ้าช้ามันก็ยิ่งน่ากลัวนะ รีบๆ เดินเร็วเข้า แล้วก็อย่ามองลงไปข้างล่างด้วยนะครับ”
เขาเอ่ยบอกเธอ อิงฟ้ากล้าๆ กลัวๆ ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
เหมือนจะฮึด ก่อนจะก้าวเท้าให้เร็วขึ้นตามคำแนะนำจากเขา แต่เธอก็รู้
ว่าเมื่อขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว มองไปทางไหนก็จะสวยงามไปหมด
ภาพสองคนพี่น้องที่นั่งห้อยขาหยอกเย้ากันอยู่บนระเบียงบ้านต้นไม้เมื่อสิบสองปีก่อนผุดขึ้นมาในหัวเธอ
“อิงฟ้ารักพี่เสือ”
เธอได้ยินเสียงของเด็กสาวสิบสามขวบเอื้อนเอ่ยบอกพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
ถึงจะเป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อยๆ แต่เธอก็รู้จักที่จะรัก และรู้ว่าใครดีกับเธอ
แค่นึกถึงวันก่อนๆ เธอก็ยิ้มพราว ยอมรับว่าพี่เสือเป็นรักแรก
และรักเดียวของเธอเช่นกัน
เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป
เสือให้ทางบังกะโลจัดแจกันเล็กๆ ให้เก็บดอกหญ้ามาเสียบเอาไว้ อิงฟ้าปรี่เข้าไปชมอย่างถูกใจและเผลอตัวหันมาส่งยิ้มให้กับพี่เสือ
เขาดีใจที่เห็นเธอชอบ เดินตรงมาโอบกอดเธอทางด้านหลัง ก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ
เธอเบี่ยงตัวหลบออกจากอ้อมแขน แล้วหันไปผลักเขาแทบทันที
พอดีมีเสียงเคาะดังมาจากข้างนอกและส่งเสียงเรียกชื่อของเขาออกมาด้วย
“คุณเสือครับ
เอาอาหารมาส่งครับ” เขาจ้องหน้าหนูอิงที่ตอนนี้แดงระเรื่อ
แต่กับเชิดหน้าขึ้นตรง เสือมองกิริยาตรงหน้าส่ายหน้าแบบอ่อนใจ
เขาจึงเดินหันหลังไปเปิดประตูให้กับผู้มาเยือน
“ขอบใจมากนะ” เขาเอ่ยและรีบรับถาดอาหารขึ้นมาถือเอาไว้ ก่อนจะวางมันไว้ที่โต๊ะใกล้ประตู
แล้วเดินกลับไปที่ประตูห้อง หยิบแบงค์ห้าร้อยออกมาจากกระเป๋าสตางค์
ส่งยื่นให้เด็กหนุ่ม “ไม่ต้องทอน” เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้
และหันหลังเดินลงบันไดที่สูงชันไปในทันที เขาหันกลับมาที่ร่างสวย
เห็นเธอเดินเข้าห้องน้ำไป พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่
เสือจัดแจงอาหารที่สั่งมา
แล้วหยิบแก้วที่วางบนถาดออกมาใส่น้ำแข็ง แล้วเปิดขวดเบียร์เย็นเจี๊ยบเทลงไป
ฟองเบียร์ฟู่ขึ้นมา เขารีบยกขึ้นกระดกลงคออย่างรวดเร็ว
นั่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ถอนลมหายใจออกมาเป็นระยะ
นึกประวิงไปถึงคนสวยที่แสนพยศที่อยู่ในห้องน้ำ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาในชีวิต
รวมถึงเรื่องที่สร้างความหนักใจให้เขาไม่ใช่มีแต่เรื่องของอิงฟ้า
แต่ยังมีเรื่องอาการป่วยของคุณลุงปรัญช์ ที่เขานึกรู้ว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
และท่าทางที่เขาเห็นอาการของคุณลุงก็หนักเอาการอยู่
“แอ๊ด...” เสียงประตูเปิดออกมา เขาหันไปสบสายตา
เธอรวบผมที่ระบ่าขึ้นไว้บนศีรษะและเสียบมันไว้ด้วยปิ่นปักผมแหลมเล็กที่เธอได้มันมาจากในกระเป๋าที่ป้าน้อยใส่เข้ามาให้
อิงฟ้าสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเอวยืดหลวมๆ
“มากินอะไรก่อนเร็ว” เขาขยับตัวและเอ่ยปากพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้
เธอเดินมาและนั่งลงอย่างเสียไม่ได้
เธอนึกถึงอาหารเช้าที่กินตอนอยู่ที่บ้านของเดฟและเวนย์
ที่กินแค่ขนมปังแผ่นเดียวและไข่ต้มอีกสองฟอง ไม่หิวก็แปลกแล้ว
ตอนนี้แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า
แต่ยังพอเห็นความเขียวขจีที่ชุ่มชื่นข้างนอกหน้าต่าง
เสือเดินไปเลื่อนสไลด์หน้าต่างที่เป็นแบบมุ้งลวดให้หมด เพราะที่นี้คือป่า
สิ่งที่จะตามมาในเวลาค่ำคืน คือพวกแมลงที่ชอบบินเข้ามาล้อเล่นกับแสงไฟ
“ดื่มสักหน่อยไหม” เขาเอ่ยถามเธอ แต่รินเบียร์เย็นๆ
ลงแก้วของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะกระดกมันลงคออย่างรวดเร็ว
หนูอิงไม่ตอบ
แต่กับสนใจกินอาหารตรงหน้าอย่างอร่อย จริงๆ เธอเป็นคนกินอะไรง่ายๆ หรอก
แต่ที่เรื่องมากเพราะอยากจะหาเรื่องเอากับพี่เสือเท่านั้นเอง
แต่วันนี้รู้สึกตัวเองเหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากสู้รบปรบมือกับใคร
เขายังคงนั่งรินและกระดกเบียร์เย็นเข้าปากโดยไม่สนใจที่จะกินอาหารตรงหน้า
อิงฟ้านึกเป็นห่วง
“ไม่กินอะไรหน่อยหรือคะ” เสียงเธอที่ถามออกมาน้ำเสียงแปร่งๆ
เขาหันมาสบสายตา
ยิ้มออกมาตรงมุมปากนิดๆ
ก่อนจะหันไปสนใจดื่มเบียร์ที่เขานำขึ้นมาตั้งไว้ทั้งหมดสามขวด
ซึ่งตอนนี้ก็หมดไปเกือบสองขวดแล้ว อิงฟ้าเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเขามีแผลที่มุมปากด้วย
“อ๋อ คงจะตอนชุลมุนกันที่บ้านเดฟแน่ๆ
ตายแล้ว...ไม่รู้เวนย์กับเดฟเป็นไงบ้าง” ใจเธอประวิงไปหาสองคนนั้น
นึกถึงโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาได้ ว่าเธอไม่ได้หยิบติดมือมาจากบ้านของเดฟ
ตอนที่เขากระชากเธอลงมา หญิงสาวนึกโกรธคนตรงหน้า จึงเอ่ยขึ้นต่อว่าเขาไป
“นิสัยอันธพาลเนี้ย สงสัยจะเกิดขึ้นมา
ตั้งแต่กลับมาคลุมงานที่ดิสโก้นะคะ” เธอว่าเขากระแทกน้ำเสียง
ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะหมุนตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
พี่เสือกระชากดึงแขนหนูอิงให้เข้ามาปะทะกับหน้าอกกว้าง
และผลักร่างบางให้นั่งลงบนตักของเขาทันที
“ทำไม หึ...โกรธที่พี่เสือ
ชกหน้าไอ้ชู้รักของหนูอิงเหรอ” เขาหน้าแดงรู้สึกหึงขึ้นมา
ใจนึกเห็นรูปที่เอกส่งมาให้ หนูอิงสวมกอดและหอมแก้มกันไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวซะขนาดนั้น
“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรที่ไปชกหน้าเขาถึงในบ้าน
ป่านนี้เขาไม่แจ้งความแล้วหรือคะ ว่ามีคนไปบุกรุกทำร้ายร่างกาย” เธอพูดว่าใส่เขา พลางใช้มือแกะมือใหญ่หนาที่โอบรอบเอวของเธอเอาไว้แน่น
เสือยิ่งรัดรอบเอวเธอแน่นเข้าไปอีก
เอื้อมมืออีกข้างไปยกแก้วเบียร์ที่วางขึ้นดื่มจนหมด
แล้วกระดกขวดที่สามขึ้นมาจดที่ปาก แล้วเทมันลงลำคอโดยไม่เทลงไปในแก้ว
ก่อนจะกระแทกก้นขวดลงบนโต๊ะแบบจงใจ ซุกไซ้ไปที่ซอกคอขาวของคนดื้อรั้นที่นั่งอยู่บนตัก
รวบสองมือไว้ใต้วงแขนใหญ่
“แล้วที่กอดจูบกันและยังนั่งซบพิงไหล่กันอยู่ที่โซฟาในบ้านของผู้ชาย
และไอ้ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่ผัวของตัวเองด้วยล่ะ คิดว่าทำถูกแล้วเหรอ” เขาพ่นระบายคำพูดที่อึดอัดทั้งหมดออกมา
ก่อนจะกดจมูกลงไปบนแก้มใสหนักๆ “ทำไม เมื่อคืนเข้าหอ
พี่เสือจัดให้หนูอิงไม่สมความอยากหรือไงครับ” คำพูดวาจาที่เชือดเฉือน
ทำให้หนูอิงเจ็บแปล๊บขึ้นมาในหัวใจ ไม่คิดว่าพี่เสือจะดูถูก
“เราไม่ได้มีอะไรกัน
แล้วเดฟกับเวนย์ก็เป็นแค่เพื่อนของหนูอิงเท่านั้น อย่ามาคิดสกปรก” เธอเถียงเขากลับทันควัน นั่งดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ถ้าไม่อยากเหนื่อยตาย
ก็ดิ้นไป” เขาพูด พลางยกขวดเบียร์ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด
ชายหนุ่มหันมาซุกไซ้ร่างบางตรงหน้าอย่างจงใจ เริ่มลงน้ำหนักมือเพิ่มความหนักหน่วง
กดตัวเธอให้แนบชิดร่างกายกำยำ สะโพกผ่ายกลมมนเบียดชิดกับความแข็งขืนที่ตรงกลางร่างแกร่งที่กับลำพองตัวดุนดันเนื้อสะโพกของเธออยู่จนเธอรู้สึกได้
ยิ่งขยับตัวก็เหมือนเป็นการปลุกเร้าเร่งรัดอารมณ์ของเขามากยิ่งขึ้น
เขาพลิกร่างเธอให้นอนหงายอยู่ในอ้อมแขน
ก่อนจะฉกจูบปิดริมฝีปากที่กำลังจะร้องห้ามประท้วงแกล้งบดจ้วงแทงปลายลิ้นสร้างความรัญจวนให้แก่หญิงสาวเป็นอันมาก
ความรู้สึกรักและโหยหาความรักจากเขาที่ตอนนี้เริ่มปิดไม่มิด
“ใครว่าหนูอิงไม่รักพี่เสือ
พี่เสือเป็นรักแรกของหนูอิงนะคะ นอกจากพี่เสือแล้ว หนูอิงจะไม่รักใคร” เธอลำพึงอยู่ในใจ
ใจประวัดไปถึงเมื่อสิบสองปีก่อน
ณ ที่แห่งนี้ ที่ทั้งสองนอนกอดกันเพราะอากาศเย็น
แต่ความรู้สึกของเด็กสาวที่รักผู้ชายตรงหน้านี้เหลือเกิน
วันนั้นประหนึ่งเธอได้สัญญากับตัวเองไว้ว่า จะเป็นของพี่เสือแค่เพียงคนเดียว
ความสิเน่หาที่มีในตัวเขา
และนึกถึงกายที่ได้สัมผัสกายของกันและกันเมื่อคืน เธอลืมตัวเอื้อมมือน้อยๆ
สองข้างขึ้นโอบรัดรอบคอเขาแน่น ก่อนที่จูบตอบเขาแบบหวานหยดเช่นกัน
“อือ...เก่งขึ้นมากเลยนะครับ” เขาชมเธอเมื่อคลายริมฝีปากออกมาจากร่างบาง
ก่อนจะยกเธอขึ้นทั้งร่าง มุ่งตรงไปที่เตียงกว้างกลางห้อง ส่งสายตาหวานให้แก่เธอ
เมื่อวางเธอลงบนเตียง
เขารีบทับทาบร่างกำยำลงไปอย่างรวดเร็ว บทจูบซุกซนได้เริ่มต้นขึ้น
เขาซุกไซ้ไปทั้งใบหน้าและลำคอ
มือไม้เริ่มไม่อยู่นิ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่
“อือ...พี่เสือ อย่าค่ะ” เธอร้องคราง ส่งเสียงห้ามออกมาแผ่วเบา
“ทำไมครับ ยังกลัวเหรอ” เสือเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงอาทร แต่ตอนนี้อะไรก็คงยั้งหยุดเขาไม่ได้
ตอนที่เขาเบียดร่างทาบทับเข้ามา
หนูอิงสัมผัสได้ถึงความคัดตึงที่ชิดแน่นกดทับลงไปที่หน้าขา
เขายังซุกหน้าไล่เรื่อยไปตามผิวหนัง
มือระร้ายเริ่มถอดเสื้อยืดและกางเกง รวมถึงชุดชั้นในของเธอออกทั้งหมด ความเย็นของอากาศภายนอกรวมถึงรสลิ้นและปลายจมูกทำให้อิงฟ้าขนลุกเกรียวไปทั้งกายเริ่มสั่นเทิ้ม
ยิ่งตอนเขาอ้างับยอดชมพูเธอถึงกับครางกระเส่า
และบิดตัวไปมาส่ายหนีการรุกรานนั้นอย่างทรมาน
“หนูอิงหอมหวานไปทั้งตัว
หนูอิงต้องเป็นของพี่เสือคนเดียวนะครับ รู้ไหม?”
เขาพูดพลางเคลื่อนตัวลงต่ำ
จรดปลายจมูกสูดดมหาความหอมที่รัญจวนใจจากกลิ่นกายสาว
ก่อนจะตวัดลิ้นสร้างความกำหนัด ยั่วยุเพิ่มความปรารถนาให้คุกรุ่นในกายของเธอ
เสียงจักจั่นที่กรีดร้องอยู่ด้านนอก
ผสานกับเสียงครางหวานที่อยู่ภายในห้องพักบนบ้านต้นไม้หลังใหญ่ เร้าอารมณ์ของชายหนุ่มที่รักผู้หญิงคนนี้สุดหัวใจ
เขาเอ่ยคำรักบอเธอขึ้นมาวนเวียนซ้ำๆ
“หนูอิงครับ
พี่เสือรักหนูอิงนะ”พูดแล้วพูดอีก บอกรักเธอแล้วบอกรักเธออีก
เสียงกระซิบที่บอกรักเธอแผ่วเบานุ่มนวล จนทำให้ร่างบางเผลอกายโอบรัดลำตัว
และลูบไล้แผ่นหลังของเขาไปด้วยความรักเช่นกัน เขาแทรกกายลงไปในตัวเธอ
หนูอิงสะอื้นกลืนความรัญจวนลงในคอ และเอ่ยบอกครวญครางว่าเจ็บไม่ขาดสาย
“พี่เสือ
หนูอิงเจ็บค่ะ...อือ...” เธอบอกเขาเสียงแผ่ว
“แป๊บเดียว
ทนเอานะครับหนูอิง พี่เสือจะทำเบาๆ” เขาจูบปลอบประโลมเธอไปทั้งใบหน้า
จุมพิตรับขวัญที่ริมฝีปากบางเบาที่สั่นระริกเชิญชวนให้เขาเข้ามาเชยชม
เพลงรักบรรเลงแข่งกับเสียงสรรพสัตว์ที่ร้องลั่นอยู่ในป่าใหญ่
ก่อนจะจบลงความความรุนแรงที่ชายหนุ่มลืมตัวทิ้งคำมั่นที่ให้ไว้กับเธอในตอนแรก
ว่าจะทำเธอแบบเบามือ เสือกระแทกกระทั้นใส่เธอจนร่างบางเกร็งสะท้าน
ร้องครางออกมาด้วยความสุขสม ก่อนที่เขาจะส่งกายกำยำเข้าออกอย่างรวดเร็วและส่งสารรักบอกเธอด้วยความเต็มใจใส่ความฉ่ำร้อนวาบไปทั้งกายสาว
สองร่างกอดก่ายกันอยู่บนเตียง เสือซุกหน้าลงบนหน้าอกของเธอ ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคง
หลับลงไปด้วยความเหนื่อยและเครียดมาเป็นเวลานาน
หนูอิงมองร่างใหญ่ที่ตอนนี้ทิ้งตัวหลับอยู่ข้างๆ
เธอพยุงตัวลุกขึ้นไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ
และกลับออกมาปิดไฟและแทรกตัวเข้าไปนอนข้างๆ
ก่อนนอนได้เพ่งพิศจ้องมองหน้าเขาจากแสงจันทร์ฉายที่ส่องสว่างลงสอดเข้ามาในห้อง เธอมองคนตรงหน้าอยู่เป็นนานสองนาน
ลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้เธอรู้ว่าเขาหลับสนิท อิงฟ้าชะโงกหน้าตัวเอง
แอบหอมแก้มร่างใหญ่ที่นอนตรงหน้าไปเบาๆ สองสามที ก่อนจะล้มตัวลงนอนคลุมผ้าห่มให้เขาและเบียดหลังให้แนบชิดกับกายของเขา
หลบความเย็นสายลมที่กรรโชกเข้ามาผ่านช่องตาข่ายตะแกรงเล็กๆ ของมุ้งลวด
หลับตาลงอย่างอุ่นใจข้างร่างกำยำที่ตอนนี้ก่ายกอดเธอไว้ด้วยความรักเต็มหัวใจ
โฉมงามเจ้ารักพี่ แต่เจ้านี้ช่างปากแข็ง
รักของเจ้าแสแสร้ง
ใจนึกแกล้งรักไม่ได้
ตัวพี่รักสุดแสน มิเคยแค้นรักห่วงใย
เพียงเจ้าเป็นจอมใจ
คงสุขใจหาไหนปาน