“ก็ได้ ตกลงตามนี้
เอาเป็นว่า เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยนะจ๊ะยาหยี
ส่วนเรื่องสัญญาซื้อขายให้เลขาของน้องเรเชลส่งไปให้พี่ที่บริษัทได้เลย นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เราไปทานอาหารกันเถอะนะจ๊ะ”
เขาตอบรับในทันทีโดยไม่ต้องคิดมาก
เพราะเขาจะทำให้เธอหลงรักเขาให้ได้ภายได้หนึ่งเดือนนี้อย่างแน่นอน เขาลุกขึ้นยืนรอเธออยู่อย่างนั้น เธอจึงจำใจต้องลุกตามเขาไป
‘ให้ตายสิเรเชล
นี่เธอคิดถูกหรือผิดกันนะเนี่ย
มันตั้งหนึ่งเดือนเชียวนะที่เธอต้องได้เห็นหน้าเขาทุกวัน
สวรรค์ทำไมต้องส่งผู้ชายเฮงซวยคนนี้เข้ามาในชีวิตของเธอด้วยนะ’
ภัตตาคารสุดหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงนิวยอร์ก
“ไล่ทุกคนออกไปให้หมด วันนี้ผมเหมา”
มาร์คิโอหันไปบอกผู้จัดการที่ออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง
“ได้ครับคุณมาร์ค”
“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะ อย่ารบกวนแขกคนอื่นเค้าเลย ขอแค่ห้องวีไอพีให้เราสองคนก็พอค่ะ”
แม้จะเป็นถึงบุตรสาวของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของเมือง แต่เรเชลก็ไม่ชอบคนใช้อำนาจในทางที่ผิด
“คือ...” ผู้จัดการมองไปที่มาร์คิโออย่างลังเล
“จัดการตามที่เธอบอกก็แล้วกัน ขออาหารที่แพงที่สุดมาสักสามสี่อย่างด้วยล่ะ” เขาพยายามเอาใจเธอทุกอย่าง แต่เหมือนจะยิ่งทำให้เธอหมั่นไส้เขามากกว่า
ผู้จัดการจึงพาทั้งสองคนไปในห้องวีไอพีซึ่งมองเห็นวิวของเมืองได้อย่างชัดเจนเพราะภัตตาคารอยู่ชั้นบนสุดของตึก
“หิวรึจ๊ะที่รัก ถ้าหิวจะกินพี่ก่อนก็ได้นะ” เขาส่งสายตาเย้ายวนชวนให้สาวทั้งเมืองคลั่งไคล้ไปหาคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ไม่ล่ะค่ะ ดิฉันชอบเคี้ยวเด็กหนุ่มๆ
มากกว่าพวกสูงวัย”
เธอแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างหมั่นไส้
“หึ ชอบเคี้ยวเด็กหนุ่มงั้นเหรอ พี่ก็ยังไม่แก่นี่จ๊ะ เราสองคนอายุห่างกันแค่สองปีเองนี่นา” คำพูดของเธอทำให้เขาแทบสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไป
ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้มากทีเดียว แต่แบบนี้แหละที่เขาต้องการ
“ตายจริง ไม่ทราบเลยนะคะเนี่ย ก็แหมหนังหน้า...เอ๊ย...หน้าตาของคุณน่ะดูแก่กว่าฉันมากโขเลยนี่คะ
นี่ถ้าไม่บอกว่าคุณเป็นลูกชายของคุณลุงมาคัสล่ะก็ ฉันนึกว่าเป็นพี่น้องกันซะอีก”
เธอพูดจีบปากจีบคำแต่ทั้งหมดทั้งมวลก็แค่อยากหลอกด่าเขาเท่านั้น
มือใหญ่บีบกันแน่น เขาพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ให้มากที่สุด
เพราะเข้าใจแล้วว่าเธอกำลังต้องการทำอะไรกันแน่ ใช่
เธอกำลังทำให้เขาเบื่อหน่ายเธอ
และเลิกสนใจเธอเสียที ซึ่งเขาไม่มีวันทำเช่นนั้นเด็ดขาด
“โธ่ ที่รักจ๋า
แอบชอบพี่ก็ไม่เห็นต้องเขินเลย
หรือว่าติดใจบทรักของเรา
น่าเสียดายที่วันนั้นที่รักไม่รู้สึกตัวถึงไม่รู้ว่าอะไรๆ ของพี่น่ะ มันยังแข็งแรงปึ๋งปั๋งขนาดไหน พี่ว่าทานมื้อนี้เสร็จเราไปทบทวนกันใหม่ดีไหมจ๊ะ”
“ทุเรศ อุบาศก์
ร่างกายของฉัน
ฉันรู้ดีว่ามันยังไม่บุบสลาย และฉันจะไม่ยอมให้นายได้เห็นแม้แต่ขาอ่อนหรอกย่ะ ถ้าฉันจะต้องนอนกับใครสักคน ก็คงต้องเป็นเด็กมหาลัยกล้ามใหญ่น่าซบมากกว่า ไม่ใช่พวกเจ้าสำอางอย่างใครบางคน” เธอเองก็ต้องพยายามควบคุมสติไม่ให้แตกกระเจิงเพราะคำพูดจาบจ้วงของเขาให้ได้
“หึ แล้วรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าพี่ไม่มีกล้าม จะให้โชว์ให้ดูไหมคนสวย” เขาแกล้งลูบไล้แผงอกกว้างนั้นไปมา
“แหวะ เชิญเอาไปให้สาวๆ คนอื่นมองเถอะนะคะ ดิฉันไม่ชอบบริโภคของสาธารณะ” เธอส่งสายตาที่มีแววเหยียดหยันมาหาเขา
“ของสาธารณะงั้นเหรอ?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน กรามแกร่งกัดกันแน่นจนขึ้นสัน
“แหม ก็ของที่ใครๆ อยากจะใช้เมื่อไหร่ก็ได้น่ะ
ถ้าไม่เรียกว่าของสาธารณะจะให้เรียกว่าอะไรล่ะคะ” เธอเอนหลังแล้วนั่งกอดอกมองเขาอย่างเอาเรื่อง
“หึ ดูท่าว่าที่รักคงเข้าใจผิดแล้วนะ เพราะพี่น่ะเป็นฝ่ายรุกไม่ใช่ฝ่ายรับและพี่ก็เลือกว่าพี่จะลากใครขึ้นเตียง ไม่ใช่ว่ากับใครก็ได้ แหม
พี่ชักอยากจะเห็นเวลาที่น้องเรเชลร้องครวญครางอยู่ใต้ร่างของพี่ซะแล้วสิ ว่าเสียงมันจะเพราะขนาดไหน” สงครามน้ำลายถูกพ่นใส่กันไม่ยั้ง สำหรับผู้หญิงคนนี้คงจะจีบแบบธรรมดาไม่ติดจริงๆ
สินะ ดี
เล่นตัวนัก พ่อจะทำให้ร้องครางทั้งคืนเลย คอยดูเถอะ
“ไอ้คนเฮงซวย ไอ้...”
เธอคว้าแก้วน้ำแล้วสาดไปที่ใบหน้าคมเต็มแรง เธอไม่อาจทนนั่งร่วมโต๊ะกับคนกักขฬะอย่างเขาได้อีกต่อไปแล้ว
“เรเชล!!! มันจะมากไปแล้วนะ”
เขาลุกพรวดใช้สองมือและทิชชู่บนโต๊ะมาซับน้ำที่เปื้อนใบหน้าและเสื้อสูทราคาแพงอย่างอารมณ์เสีย
“อุ๊ยตาย ขอโทษทีนะคะ
เรเชลเป็นคนมือไวไปหน่อย
พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วน
ขอตัวนะคะ
เอาไว้มื้อหน้าเราค่อยมาทานด้วยกันใหม่นะคะ บายค่ะ”
เธอลุกขึ้นแล้วกำลังจะก้าวออกจากห้องไป
แต่เขาเดินมาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วบีบอย่างแรง
“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าเราจะทานมื้อเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เลือกเอาจะกลับไปนั่งที่เดิม หรือจะให้พี่ข่มขืนเธอตรงนี้ บนพื้นเย็นๆ นี่!” สายตาคมไม่มีแววของความขี้เล่นอีกแล้ว
มันกลับดูเหี้ยมเกรียมและมันบอกเธอว่าเขาพูดจริงทำจริง