ตอนที่
6 เพราะใจพลั้งเผลอ
กลางดึกภายในห้องพักผู้ป่วย
ไรอันเริ่มรู้สึกตัวหลังหลับไปหลายชั่วโมง ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วห้องก็เห็นมีคนที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงก็ให้นึกแปลกใจ
เพราะด้วยอุปนิสัยของหญิงสาวไม่น่าจะมานั่งเฝ้าใครได้ แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีที่เธอมีแก่ใจมานั่งเฝ้า
ไรอันขยับยิ้มเพียงนิดพร้อมๆ กับความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวก็ประเดประดังเข้ามาก่อกวนหัวใจ
‘ฉันจะไปห่วงคนหลายใจทำไม แต่ที่ฉันห้าม เพราะฉันห่วงนายต่างหาก’ ถ้อยคำของคุณหนูมารยาทแย่
ทว่าเวลานี้กลับน่ารักน่าใคร่ยังดังก้องอยู่ในใจ และเขาก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีแบบนี้
“คุณทำอะไรกับหัวใจของผมกันแน่
คุณหนูมัลลิกา” ไรอันเปรยเบาๆ ก่อนเอื้อมมือไปลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยราวแพรไหมของหญิงสาวเล่น
จนเมื่อเจ้าของเส้นผมส่งเสียงครางอื้อๆ
ไรอันจึงจำใจละมือจากกลุ่มผมนุ่มสลวยด้วยความเสียดาย ขณะที่เจ้าของผมสวยก็เริ่มรู้สึกตัวมาแล้วเช่นกัน
ดวงตากลมสวยปรือปรอยเล็กน้อยแล้วก็เบิกกว้างเมื่อเห็นคนป่วยรู้สึกตัวแล้ว
“นายฟื้นแล้วเหรอ
เฮ้อ!
ค่อยโล่งใจหน่อย ฉันนึกว่านายจะตายแล้วเสียอีก”
มัลลิกาโพล่งออกไปด้วยความดีใจแล้วลุกขึ้นบิดตัวไปมา แล้วก็นั่งลงที่เดิม
“ตื่นมาก็แช่งผมเลยเหรอไง”
คนป่วยแย้งเสียงเข้ม
“เปล่าแช่งซะหน่อย
นายอย่ามาหาเรื่องฉันนะ” คุณหนูคนสวยค้านเสียงขุ่น ตั้งท่าจะฟุบหลับต่อ
“โอเค!
ไม่แช่งก็ไม่แช่ง ว่าแต่คุณตื่นแล้วก็ช่วยพาผมไปเข้าห้องน้ำที”
คนป่วยเอ่ยไหว้วาน ตาคมก็จ้องมองหญิงสาวที่กำลังทำตาโตเขม็ง
“ให้ฉันเนี่ยนะพานายเข้าห้องน้ำ”
มัลลิกาทวนถามตาโต อาการง่วงแทบหายเป็นปลิดทิ้ง
“แล้วมันแปลกตรงไหนคุณ
ก็แค่ช่วยประคองคนป่วยเข้าห้องน้ำ” คนป่วยถามด้วยความระอา
ตัดสินใจว่าเขาเดินกะเผลกๆ ไปเองก็ได้ เพราะดูท่าจะไหว้วานหญิงสาวไม่ได้
ไรอันผ่อนลมหายใจออกมาแล้วลากเสาแขวนน้ำเกลือขูดพรืดไปตามพื้นอย่างทุลักทุเล
โดยมีสายตาของมัลลิกาคอยมองตาไม่กะพริบ
ใจก็ถกเถียงกันใหญ่ว่าจะช่วยดีหรือไม่ช่วยดี
“ฉันช่วยก็ได้
แค่นี้ก็ต้องทำเป็นน้อยใจ หัวก็ไม่ได้ล้านซะหน่อย” มัลลิกาเดินบ่นกระปอดกระแปดแล้วเข้าไปช่วยพยุงคนเจ็บ
เธอจับท่อนแขนใหญ่มาพาดบนคอตน แล้วก็เอื้อมไปจับเสาน้ำเกลือเป็นฝ่ายเข็นเข้าไปเอง
โดยไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้เธอกำลังตกเป็นอาหารตาของคนป่วย ที่อยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวทีไร
ไรอันก็อดจะแอบมองหญิงสาวไม่ได้ รสหวานละมุนลิ้นที่ได้ลิ้มลองยังไม่เคยจางหายไปจากใจ
กระทั่งเดินมาถึงหน้าห้องน้ำ
มัลลิกาจึงเงยหน้ามองคนป่วยทำให้สายตาสบประสานกัน
หญิงสาวเกิดอาการผิวหน้าร้อนผะผ่าว เส้นขนในร่างกายพากันตั้งชันอย่างไม่รู้สาเหตุ
พยายามจะถอนสายตาออกแต่ก็ทำไม่ได้ ส่วนไรอันกำลังรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
เขาอยากควบคุมให้มันเต้นปกติแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะสายตาไม่รักดีเอาแต่จดจ้องสองแก้มแดงระเรื่อ
เลยไปหาริมฝีปากสีชมพู เขากำลังคิดถึงรสหวานจากริมฝีปากของหญิงสาว
“คุณทำอะไรกับผม”
ไรอันพึมพำ ไม่รู้ว่าตัวเองก้มหน้ามาชิดใบหน้าสวยใสไร้ที่ติของหญิงสาวตอนไหน
เพราะมารู้อีกทีก็สัมผัสถึงลมหายใจของกันและกันไปเสียแล้ว
“ไรอัน
นาย...จะทำอะไรฉัน” มัลลิกาเอ่ยถามเสียงสั่นๆ ผิวหน้าร้อนหนักกว่าเก่า
ภาพวันที่ถูกขโมยจูบแรกในชีวิตวนเวียนเข้ามาให้รู้สึกซาบซ่าน เลือดลมในร่างกายก็พลันฉีดพล่านอย่างห้ามไม่อยู่
“ไม่
ผมไม่ได้คิดทำอะไรคุณเลย” ไรอันปฏิเสธเสียงพร่าถอนใบหน้าห่างจากใบหน้าสวยเล็กน้อย
“ถ้างั้น
นายก็เข้าไปสิ ฉันเปิดประตูห้องน้ำให้แล้ว” คนใจสั่น
เนื้อตัวก็ร้อนผ่าวขยับปากบอกเสียงเบาหวิว เธอหันรีหันขวางอย่างคนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อกับสถานการณ์ชวนให้หัวใจสั่นเช่นนี้
ส่วนไรอันไม่ได้ขยับเขยื้อนกายเข้าไปในห้องน้ำตามคำเชิญของหญิงสาว เพราะสายตาไม่รักดีของเขาเอาแต่เฝ้ามองหญิงสาว
“คุณหนูมัลลิกา...”
ไรอันขานเรียกเสียงติดขัด ตามองลึกเข้าไปในดวงตากลมสวย
เสี้ยววินาทีริมฝีปากได้รูปก็ทาบลงบนเรียวปากนุ่มอย่างห้ามใจไม่อยู่ บดเคล้า
คลอเคลียด้วยความสิเน่หาระคนหิวโหยมาแรมปี
มัลลิกาไม่ได้หลบเลี่ยงอย่างที่ควรทำ
เมื่อปากร้อนทาบทับ
แต่เธอเผยอริมฝีปากต้อนรับลิ้นอุ่นให้ซอกซอนเข้าไปชิมน้ำหวานจากช่องปากเล็กด้วยความเต็มใจ
คุณหนูคนสวยละมือห่างจากเสาแขวนน้ำเกลือมายึดลำคอของบอดี้การ์ดหนุ่ม
แล้วกดรั้งให้ต่ำลง จูบตอบสนองกลับไปอย่างไม่ประสีประสานัก เพราะแม้ตัวเธอจะไปร่ำเรียนถึงเมืองนอกก็ตาม
แต่เรื่องแบบนี้เธอไม่เคยปล่อยตัวปล่อยใจให้ใครมาจูบเหมือนที่บอดี้การ์ดหนุ่มกำลังทำ
และเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าตัวเองเป็นอะไรไป
เหตุใดถึงได้ยอมให้บอดี้การ์ดหนุ่มจูบอย่างง่ายดาย
ไรอันครางฮึ่มฮั่มในลำคอด้วยความพึงพอใจกับสิ่งที่ได้รับ
ก่อนจะเป็นฝ่ายถอนจูบออกมาเสียเอง ทั้งสองต่างเหลียวมองไปคนละทิศคนละทาง
หลังความหวามค่อยๆ จางหาย
สองแก้มนวลของคุณหนูลี่แดงระเรื่อสลับร้อนจนเธอต้องยกมือลูบเบาๆ
หวังจะบรรเทาอาการที่เป็นอยู่
โดยไม่รู้เลยว่าขณะนี้เธอกำลังตกเป็นอาหารตาให้กับบอดี้การ์ดหนุ่มอีกครั้ง
“คุณน้ำ”
ไรอันขานเรียกเสียงทุ้มอย่างสนิทสนม ความรู้สึกที่ไม่ชอบหน้าหญิงสาว เพราะเขาตราหน้าว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มารยาทแย่ที่สุดเท่าที่เคยพบเจอผู้หญิงมา
แต่หลังจากเขาและเธอผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มาด้วยกัน
อดีตนายตำรวจหนุ่มยอมรับว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนแปลงไป ทั้งที่เขาไม่ควรให้ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นกับหัวใจของเขา
“เรียกฉันทำไมเล่า”
เจ้าของชื่อเงยหน้าตอบเสียงขุ่นแก้เก้อ พลางยกไม้ยกมือเกาคอตัวเองอย่างอายๆ
“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม”
พูดจบ
ไรอันก็จ้องดวงหน้าแดงระเรื่อพร้อมเผยยิ้มมุมปากเข้าไปละลายใจคุณหนูลี่คนสวยที่ตอนนี้ใจเต้นระรัวเสียจนเธอกลัวมันจะกระเด็นออกมานอกอก
“ก็เข้าไปสิ
ฉันไม่ได้รั้งไว้นี่” ตอบเสียงอ้อมแอ้มแล้วเดินหนีคนที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
แต่แขนเรียวกลับถูกรั้งไว้ด้วยมือของคนป่วย
“นายมีอะไรกับฉันอีกเล่า”
คนถูกยึดแขนเอ่ยถามเสียงแผ่วๆ
“แล้วอย่าลืมมารับผมกลับไปที่เตียงด้วยล่ะ”
ขาดคำทิ้งท้ายของคนป่วย คนถูกสั่งพยักหน้ารับส่งๆ
แล้วเดินมานั่งรอที่โซฟาทั้งที่ใจยังเต้นระรัว
“นายบอดี้การ์ดบ้า
นายมาจูบฉันอีกทำไมเนี่ย” มัลลิกานั่งบ่นเบาๆ ยกปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากตัวเองไปมา
รู้สึกซาบซ่านใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก่อนที่เธอจะเคลิ้มถึงรสจูบจากบอดี้การ์ดหนุ่มไปมากกว่านี้
เสียงของคนป่วยก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
หญิงสาวเลยจำต้องเดินกลับไปรับคนป่วยมานอนที่เตียง
“นายจะให้ฉันช่วยอะไรอีกไหม”
หลังจากพาคนป่วยมานอนบนเตียงเรียบร้อย
คุณหนูคนสวยก็เอ่ยถามเสียงขุ่นหวังจะกลบเกลื่อนหัวใจที่ยังเต้นแรง
ใบหน้าแดงระเรื่อก็แสร้งทำบึ้งตึง
“ไม่มีแล้ว
ราตรีสวัสดิ์ครับ” พูดจบคนป่วยชิ่งหลับตาไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้มัลลิกายืนทำตาปริบๆ
กับถ้อยคำกล่าวลาของอีกฝ่าย
“ผีเข้าหรือไงนะ”
บ่นจบแล้วมัลลิกาก็ยืนรอจนแน่ใจว่าคนป่วยหลับไปแล้วจริงๆ
จึงได้เดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง
และแอบเฝ้ามองใบหน้าของบอดี้การ์ดหนุ่มจนเผลอหลับตามคนป่วยไปในที่สุด
ในเวลาใกล้เคียงกันภายในห้องนั่งเล่นของครอบครัว
แอนดี้และมารดากำลังสนทนากันด้วยเรื่องที่เกิดกับมัลลิกา
“ไรอันทำงานได้ดีและเร็วกว่าคิดเสียอีกนะแอนดี้
แม่พอใจมากๆ ที่ในที่สุดยัยน้ำก็ได้เห็นธาตุแท้ของนายเคลวิน”
“ใช่ครับคุณแม่
ว่าแต่คุณแม่จะให้ไรอันอยู่เป็นบอดี้การ์ดให้ยัยน้ำต่อหรือเปล่าครับ” แอนดี้เอ่ยถามมารดาด้วยสงสัย
นั่นเพราะไรอันทำงานสำเร็จเร็วกว่าที่คิด
“ก็คงให้เป็นต่อไป
ทางคุณทามอุตส่าห์แนะนำมาให้ เราจะมาเลิกจ้าง ทั้งที่ไรอันทำงานได้วันเดียวมันก็ดูไม่ดีนัก
แม่คิดว่าคงต้องรอให้ยัยน้ำหมั้นกับทังอี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเสียก่อน
แล้วค่อยเลิกจ้าง” คนเป็นแม่ให้เหตุผล แต่คนรับฟังกลับหนักใจแทนน้องสาว เมื่อรู้ว่ามารดามีแผนจะให้มัลลิกาหมั้นกับทังอี้
“แอนดี้
ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า แม่เห็นเราเอาแต่นั่งเงียบ
หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับยัยน้ำ แล้วลูกยังไม่ได้บอกแม่
อย่าปิดบังแม่นะแอนดี้”
เสียงจากมารดาส่งผลให้แอนดี้ดึงตัวเองออกมาจากห้วงความนึกคิดทันที
“เปล่าครับคุณแม่
ผมแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“ไม่มีก็ดีแล้วล่ะ
ถ้างั้นลูกก็ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ แม่ก็จะขึ้นไปพักแล้วเหมือนกัน” คนเป็นแม่บอกแล้วเฝ้ามองบุตรชายเดินขึ้นห้องพัก
ก่อนที่ตนจะลุกเดินตามบุตรชายขึ้นไปพักผ่อนบ้าง