จนกระทั่งวันหนึ่งในฤดูฝน
ฝนตกปอย ๆ ตั้งแต่เช้ามืด อากาศค่อนข้างเย็น
ยิ่งเป็นภูมิภาคทางเหนืออากาศยิ่งเย็นมากจนไม่อยากจะลุกออกจากเตียง
แต่อาชีพหมอที่มีชีวิตคนไข้ฝากไว้ในกำมือ ทำให้ผมต้องขุดตัวเองฝืนสังขารลุกขึ้น
ดีหน่อยที่เมื่อวานผมไม่ได้เข้าเวรจึงนอนได้เต็มที่
แต่เช้านี้ต้องออกตรวจนอกพื้นที่ คือ
การไปที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลที่ห่างไกลจากตัวอำเภอ
เพื่อให้การตรวจรักษาคนไข้ และรักษาคนไข้โรคเรื้อรังที่ต้องพบหมอทุกเดือนตามกำหนดตรวจ
ระหว่างที่ผมยืนรอรถของโรงพยาบาลเพื่อออกหน่วย
ยัยเมย์พยาบาลแสนร้ายก็สะพายกระเป๋ายาพะรุงพะรังเดินเข้ามาหา
“หมอทางนี้”
น้ำเสียงแข็ง
ๆ ของยัยพยาบาลเมย์ตัวแสบสั่งผม ผมได้แต่ขมวดคิ้วมองเธอ เธอเป็นพยาบาลในห้องฉุกเฉินซึ่งอยู่คนละฝ่ายกับการออกพื้นที่ลงชุมชน
แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่แล้วมาออกคำสั่งกับผมปาว ๆ
“หมอ ยืนเซ่ออีกแล้วนะ จะไปไหม
รพสต. นะ”
แล้วเธอตวาดแว้ดออกมาอีกรอบ
เมื่อผมยังคงยืนนิ่งและไม่สนใจเธอ
เมื่อเธอไม่เคยพูดจากับผมดี
ๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องนุ่มนวลกับเธอเช่นกัน ผมจึงเค้นเสียงเข้มออกมา
โดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอว่า
“เธอเกี่ยวอะไรด้วย
!”
“ขอโทษด้วยนะคะคุณหมอ
วันนี้ฉันรับเวรออกชุมชนแทนพี่อ้อค่ะ”
เธอตอบกลับเสียงสะบัด
แล้วเอ่ยต่อทันทีโดยไม่เว้นช่องว่างให้ผมเถียงสักคำว่า “อ่อ และต้องแสดงความเสียใจด้วยนะคะ
วันนี้ พขร. ที่ต้องขับรถให้เราป่วยกะทันหัน เราต้องขับรถไปกันเอง รีบตามมาค่ะ
ฉันไม่วนรถมารับคุณหรอกนะ เพราะฉันไม่ใช่ พขร.”
พูดจบเธอก็เดินฉับ
ๆ ไปที่โรงรถอย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่เธอถือกระเป๋ายาใบใหญ่ไว้กับตัว ส่วนผมได้แต่จำยอมสาวเท้าตามเธอไปให้ทัน
ก่อนที่เธอจะทิ้งผมไว้ที่โรงพยาบาล
และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า ต้องลงใครเป็นหมอ
ใครเป็นพยาบาลกันแน่ ? เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งนู้นสั่งนี่ผม
! คิดแล้วก็ได้แต่เก็บอาการคันยิก ๆ ในหัวใจ แล้วจดบัญชีแค้นนี้ไว้
คอยดูเถอะถ้ามีโอกาสผมจะเอาคืนพยาบาลตัวร้ายให้สาสม
แต่ตอนนี้ผมต้องยอมเธอก่อนเพราะเธอทำหน้าที่ทั้งพยาบาล และพขร. ในเวลาเดียว
ขืนผมฮึดฮัดกับเธอในตอนนี้ เดี๋ยวพยาบาลขี้วีนฆ่าผมหมกป่าข้างทางแน่ ๆ