บทที่
4
ตื่นมาก็เป็นภรรยา
บ่าวชรายืนดูห่างๆ
ได้ยินคำต่อว่าต่อขานของนายท่านให้ผู้อื่นเป็นครั้งแรกก็ตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่านายท่านของเขากล่าวตำหนิทีจะไม่ไว้หน้าใครกระทั่งคนที่เพิ่งรู้จัก
คุณชายเหอเจ็บใจ
ทั้งที่ยื่นราคาไปถึงห้าร้อยห้าสิบตำลึง
ไฉนถึงมีเจ้าคนที่ร่ำรวยกว่าชิงตัดเอาสาวงามไปได้กันเล่า บุรุษชุดดำดูไม่ธรรมดา
อาจจะเป็นคนของลัทธิมารร้ายจริงๆ
พ่อค้าทาสมองสำรวจดูเขาอีกคราวหนึ่ง
ชายผู้นี้ดูประหลาดนัก สวมชุดคลุมสีดำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
อีกทั้งแขนเสื้อก็ยาวจนดูรุ่มร่ามราวกับมีอะไรน่าสงสัยปิดบังไว้
แต่...ถึงอย่างไรก็มิใช่เรื่องของเขา
ตอนนี้กอบโกยเงินจากชาวบ้านได้มากเท่าไรยิ่งดี
“มีท่านใดจะให้มากกว่าสามพันตำลึงหรือไม่”
พ่อค้าส่งเสียงถาม
รอบด้านเงียบกริบ
ด้วยมิมีใครกล้าประชันเงินในราคาสูงลิ่ว
เขาเดินเข้ามาใกล้กรงไม้
มองอิ๋นหลิงพลางวางมือที่สวมด้วยผ้าดำลูบศีรษะของนางอย่างเบามือ
ร่างกายของนางไม่บอบช้ำ เว้นเสียแต่ต้นคอคล้ายถูกตี เพราะสาเหตุนั้น
นางจึงรู้สึกมึนงงไม่เลิก ไม่มีกระทั่งแรงเปล่งเสียง
“โม่วโฉวจ่ายเงินชนิดพิเศษ” ชายหนุ่มปริศนาในชุดสีดำออกคำสั่ง
ชายชรารีบโผล่หน้าออกมาจากกลุ่มชาวบ้าน
มองเย่าชิงคงอย่างงุนงง นายท่านของเขาคิดอันใดอยู่ถึงจะให้เขาจ่ายเงินชนิดพิเศษ
ปกติเขามิใช่คนอย่างนี้ เป็นบุรุษที่สัตย์ซื่อตรงไปตรงมาไม่เอาเปรียบใคร
เว้นเสียแต่พ่อค้าทาสพูดอะไรบางคำให้นายท่านเกิดไม่พอใจขึ้นมา
ถึงตัดสินใจจ่ายเงินปลอมที่ร่ายคาถาจากก้อนดินขึ้นมาจ่าย
โม่วโฉวไม่ถามคำใด รีบควักถุงเงินที่ร่ายคาถาจากก้อนดินทั้งถุงโยนให้พ่อค้า
เย่าชิงคงเปิดกรงไม้นำอิ๋นหลิงออกมา
ยื่นมือปัดเส้นผมให้นางอย่างช้าๆ
“เจ้าเจ็บมากหรือไม่”
อิ๋นหลิงได้ยินเสียงนุ่มนวลจึงพยายามลืมตาขึ้นมอง
แต่นางมองไม่ชัดเจน ทราบแค่ว่าเขาเป็นคนดีที่ช่วยนางเพราะรับรู้จากสัมผัสที่อ่อนโยนของเขา
จึงไม่พยายามโต้แย้งอะไร ได้แต่ตอบกลับไปอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า
“ข้าเจ็บใจ”
“ข้าจะพาเจ้าไป จะได้ไม่ต้องพบเจอคนพวกนี้อีก
จะไปหรือไม่”
สติของอิ๋นหลิงแทบไม่มี
แต่ก็ยังพอที่จะสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยขณะที่เขากำลังอุ้มนาง จึงพยักหน้าว่า
“ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไป...”
อย่างน้อยๆ
น้ำเสียงของเขาละมุนเพียงนี้ จะเป็นคนไม่ดีได้อย่างไร เช่นนั้น นางจะไป ไปในที่ที่เขาอยากให้นางอยู่
ห่างไกลออกไปจากเมืองหานตานราวหกลี้
มีสะพานสายหนึ่งเชื่อมต่อระหว่างฝั่งไปยังเรือนกลางน้ำ สะพานนั้นคือเส้นทางเข้าออกทางเดียวของเรือน ‘อู่เชิง’ เรือนพักของเย่าชิงคง
เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ บรรยากาศร่มรื่น งดงามและสงบเงียบไร้ผู้คนข้องแวะวุ่นวาย
เรือนกลางน้ำเป็นไม้ทั้งหลัง
ไม่ใหญ่โตโอฬารและไม่เล็กจนเกินไป ระเบียงนั่งเล่นผูกประดับด้วยผ้าแพรสีขาว
ภายในมีห้องราวๆ สองห้อง แบ่งแยกส่วนครัวทางด้านหลังออกไปเป็นสัดส่วน
รอบด้านล้อมรอบด้วยป่า แม่น้ำสายเล็กๆ และขุนเขา
เย่าชิงคงอุ้มอิ๋นหลิงมาตลอดทาง ตามหลังด้วยบ่าวรับใช้ที่ดูชรานามว่าโม่วโฉว
เมื่อเข้ามาถึงในห้อง เขาวางนางลงบนเตียงอย่างเบามือ
จากนั้นก็ตรวจชีพจรอย่างละเอียด เย่าชิงคงขมวดคิ้วนึกสงสารอิ๋นหลิงจับใจ
ทั้งมอมแมมและร่างกายอิดโรยคล้ายมิได้ดื่มกินมาหลายวัน และตรงศีรษะก็ได้รับบาดเจ็บ
บัดนี้ อิ๋นหลิงจึงไม่มีสติพอจะพูดคุย มิอาจบอกเขาว่ามีความรู้สึกเจ็บปวดที่ใดอีก
เขาจึงเปิดด้านหลังศีรษะของนางดูอย่างละเอียด
หัวคิ้วที่ซ่อนอยู่ในชุดสีดำขมวดเข้าหากันแน่น
นึกถึงใบหน้าพ่อค้าทาสน่าชังขึ้นมาทันใด
มนุษย์บางคนก็นึกถึงแต่ตัวเองถึงขั้นทำร้ายผู้อื่นได้โดยไม่คิดว่าใครจะรู้สึกอย่างไร
เหมือนอย่างที่โม่วโฉวห้ามกับเขามิให้ข้องแวะ แต่เรื่องนี้
เขามิอาจปล่อยให้นางตกระกำลำบากได้ หากนางเป็นอันใดขึ้นมาต้องวุ่นวายกันแน่
เพื่อมิให้เกิดเรื่องนั้น เย่าชิงคงจึงมิอาจละเลยนาง
แต่หัวคิ้วเขาเริ่มขมวดแน่น
ครั้นเห็นว่าโม่วโฉววุ่นวายเกินไป เดินไปกลับมาอยู่ด้านหลังเขาอย่างเป็นกังวลอยู่หลายเที่ยว
เย่าชิงคงจึงออกปากไล่ให้ไปจากตรงนี้
“โม่วโฉว เจ้าทำกับข้าวให้นางเถอะ
ที่นี่ข้าจัดการเอง” เย่าชิงคงคิดจะรักษาอิ๋นหลิงด้วยตัวเอง
จนถอดถุงมือที่ซุกซ่อนความลับออก ปลายนิ้วทั้งห้าของเขาล้วนแต่เต็มไปด้วยเกล็ดสีดำจนถึงหัวไหล่
ผิวหนังไม่มีคล้ายปีศาจอสูรตนหนึ่ง ซึ่งผู้ใดเห็นอาจจะถึงกับตกใจกลัว
โม่วโฉวเห็นนายท่านเปิดเผยร่างกายต่อหน้ามนุษย์
หัวใจก็พลันกระตุกวูบ เขาไม่อยากให้ใครมาเห็นนายท่านในสภาพนี้
หากนางตื่นขึ้นมากลางคันแล้วใช้ถ้อยคำไม่ดีกับนายท่านของเขา
เขาอาจจะควบคุมโทสะตนเองมิได้ เผลอลงมือทำร้ายนางจนตายจะทำอย่างไร
“นายท่าน ที่เหลือให้เป็นหน้าที่บ่าวเถอะ”
โม่วโฉวแย่งผ้าออกจากมือของเขานำไปชุบน้ำ
และประคบรอยฟกช้ำที่ต้นคออิ๋นหลิง พลางทำพลางบ่น “นายท่านร่างกายของท่านยังไม่หายดี
จะให้ใครมาเห็นมิได้เป็นอันขาด ปากมนุษย์ยิ่งพูดจาพล่อยๆ อยู่บ่อยครั้ง
ข้าน้อยเกรงว่านางจะได้สติขึ้นมาระหว่างนี้นางจะพูดจาไม่ดีกับท่าน
จะทำร้ายจิตใจของท่าน ข้าน้อยมิยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่”
“ไม่เป็นไร กับนาง ข้าไม่ถือ”
แต่โม่วโฉวก็ยังไม่ยอม “ข้าน้อยอยู่กับท่านมาหลายพันปีไม่เคยเห็นสนใจหญิงสาวคนไหนเลย
ไฉนวันนี้ถึงซื้อคนไม่รู้จักมาไว้ใกล้ตัว มิทราบว่าข้าน้อยทำงานขาดตกบกพร่องอันใด
นายท่านถึงจะหาสาวใช้เพิ่ม”
“...” เย่าชิงคงเงียบไม่ตอบ
แม้ความจริงจะมิใช่อย่างที่โม่วโฉวคิด
โม่วโฉวพูดไม่เลิก “อีกอย่าง นางเป็นมนุษย์จะเข้าใจการใช้ชีวิตของเราได้อย่างไร
นางอยู่กับเราไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ”
“...”
“บ่าวกลัวว่านางจะตื่นมาพบท่านในสภาพนี้แล้วหลงคิดไปในทางไม่ดี
เอาไปพูดให้คนอื่นฟังในทางเสื่อมเสีย”
“โม่วโฉว”
“ไม่แน่ว่าครั้นนางทราบว่าท่านมีร่างกายเช่นนี้
นางอาจจะวิ่งหนีป่าราบแล้วเอาไปป่าวประกาศให้คนในเมืองฟัง จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต
วุ่นวายขึ้นไม่มารู้จักจบสิ้น”
“...”
“ไม่เพียงเท่านั้น
ชาวบ้านได้ยินที่นางเล่าอาจจะเรียกนักพรตมาปัดเป่าแล้วคิดจะสังหารเราก็เป็นได้ขอรับ”
“โม่วโฉว…เงียบ!” เย่าชิงคงเอ่ยเสียงเฉียบ
โม่วโฉวอ้าปากไม่ออก ขยับลิ้นไม่ได้
เย่าชิงคงใช้มนตร์ปิดปาก หากเขาไม่ยอมคลายให้ อยากพูดเพียงใดก็ไร้ปัญญา โม่วโฉวหันไปมองนายท่านใช้สายตาอ้อนวอนให้คลายมนตร์
ทว่า ครานี้ไม่ได้ผล
เย่าชิงคงยังยืนกอดอก สีหน้าเคร่งขรึม พลางใช้สายตาสั่งบ่าวชราให้รีบดูแลนางต่อ
เย่าชิงคงไม่ได้มีเจตนาจะซื้ออิ๋นหลิงมาเป็นสาวใช้
แต่ไม่อยากอธิบาย ด้วยรู้ดีว่าหากโม่วโฉวได้ถาม คำถามในหัวนั้นจะไม่มีวันหมด
ได้ถามข้อหนึ่ง ข้อสอง ข้อสามก็จะตามมาอีกมากมายก่ายกอง
ใช้มนตร์ปิดปากไว้เช่นนั้นแหละสบายหูดี
ทางโม่วโฉวคอตก
เลิกรบเร้าให้เขาถอนมนตร์สะกด ทราบดีว่านายท่านเกลียดคนพูดมากเป็นที่สุด แต่เรื่องนี้
เขาอยากตักเตือนนายท่าน จึงกลายเป็นพูดมากเกินความจำเป็น
ทำให้นายท่านรำคาญไปเสียนี่
แต่โม่วโฉวมีเจตนาดี
ด้วยกลัวว่าคำพูดไม่รู้จักคิดของคนอื่นจะหันมาทำร้ายความรู้สึกในใจของนายท่าน
แม้จะติดตามเย่าชิงคงมาตั้งแต่หลายพันปีก่อน ตั้งแต่ยังเป็นปีศาจเถาวัลย์ที่ทำร้ายคน
จนตอนนี้ไม่ทำร้ายใครแล้ว ความเป็นไปเป็นมาของนายท่านไม่ก็เคยรู้ละเอียด
ราวกับอดีตของเย่าชิงคงถูกเก็บใส่หีบปิดตายไปชั่วกาล
โม่วโวทราบเพียงว่าวันๆ
นายท่านต้องดื่มยาหลายขนาน เข้าฌานเสริมพลังปราณ
เพื่อทำให้เกล็ดสีดำบนร่างกายเลือนหายไป แม้ว่าตอนนี้ร่างกายบางส่วนที่คล้ายเกล็ดงูที่เคยอยู่บนเรือนร่างหายไปมากแล้ว
โม่วโฉวก็ยังกังวลอยู่ดี
หากสาวน้อยคนนี้ตื่นมาไม่ตกใจกลัวก็ดีไป
หากตกใจแล้วพลั้งปากพูดไม่ดีละก็ เขาจะสับนางให้เป็นหมื่นชิ้นเอง!
โม่วโฉวคิดไปพลางประคบต้นคออิ๋นหลิงไปพลาง
สร้างความเจ็บปวดให้แก่นางไม่น้อย กระทั่งนางรู้สึกตัวจนร้องเจ็บออกมา
เย่าชิงคงพลันสอดมือเข้าแทรกรีบยึดผ้าคืนกลับมาและคลายมนตร์สะกดเสียงให้
“มือหนักอย่างนี้ เจ้าจะฆ่านางมากกว่า
ไปทำอะไรให้นางกินหลังจากตื่นนอนเถอะ ข้าไม่อยากฟังเสียงใครบ่นว่าหิว”
โม่วโฉวได้รับคำสั่งรีบพยักหน้ารับ
กลัวว่าหากเขายังพูดมากอีก นายท่านจะเปลี่ยนใจใช้มนตร์ปิดปากไว้อีก
“อ้อ กับข้าว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
โม่วโฉวปิดประตูปลีกตัวจากไป
ในตอนนั้น เย่าชิงคงก็เลื่อนดาลอีกที เขาหันมาจ้องอิ๋นหลิงด้วยประกายตาเย็นเยียบ
ใช้มือคล้ายกรงเล็บนั้นลูบผ่านพวงแก้มนุ่มเนียนเบาๆ
อิ๋นหลิงลืมตาตื่นขึ้น
รู้สึกว่าตัวเบาเป็นอย่างมาก ครั้นจะมองดูว่าตอนนี้นางกำลังอยู่ที่ใด กลับพบผ้าผืนหนึ่งปิดบังใบหน้าและสายตาของนางไว้
แสงสว่างจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา จึงทราบว่าผืนผ้าที่ปิดอยู่บนใบหน้าเป็นสีแดง
นางเลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น
สอดสายตามองรอบด้าน
ที่นี่น่าจะเป็นเรือนไม้หลังหนึ่ง
แต่แสงสว่างในห้องมีไม่มากนัก บางมุมจึงดูมืดสลัว
แต่แล้วพอมองให้ชัดเจน
ม่านตาอิ๋นหลิงก็พลันเบิกกว้างจนลูกตาแทบจะปลิ้นออกมาด้านนอก
ภาพที่พบเห็นมิใช่มือมนุษย์
มิใช่แขนมนุษย์!
ตั้งแต่ปลายนิ้วขึ้นมาถึงหัวไหล่ของเขาหาใช่ร่างกายมนุษย์
หากแต่เป็นเกล็ดสีดำสะท้อนแสงเงาวิบวับยามที่ชายตรงหน้าขยับตัวสวมเสื้อผ้าขณะนั้น
ใจนางหวาดกลัวสั่นสะท้าน
ตั้งแต่เกิดมา เรื่องราวของปีศาจเคยได้ยินมาบ้าง
เหล่าเทพเซียนที่เข้าออกสวรรค์ชั้นฟ้าบ่อยๆ ก็เคยเล่าสู่นางฟังราวกับเป็นกิจวัตรประจำวัน
เดิมทีนางคิดว่าเรื่องเล่าพวกนั้นเป็นสิ่งที่น่าระทึกดี
แต่พอเจอกับตัวเช่นนี้น่ากลัวกว่าที่ได้ยินเป็นไหนๆ ในตอนนี้
อิ๋นหลิงเป็นเพียงมนุษย์น้อยธรรมดา ไร้ซึ่งพลังต่อกรกับปีศาจ
มิมีท่าทีอาจหาญเหมือนอย่างเมื่อก่อนที่ไม่กลัวฟ้าสั่นสะเทือนอีกแล้ว
ทว่านับแต่ถูกพ่อค้าทาสจับตัว
ความหวาดกลัวก็คอยสั่งสมในใจเรื่อยมาจวบจนวันนี้ และผู้ที่ช่วยนางก็มิใช่คนดีอะไร
หากแต่เป็นปีศาจตนหนึ่ง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะซื้อนางมาไว้เพื่อดื่มเลือดแก้กระหาย
ไม่ดี หากอยู่ต่อไปคงถูกจับกินแน่นอน
นางตัดสินใจพลันก้าวเท้าลงจากเตียงด้วยฝีเท้าเบาๆ
แต่เสียงเสื้อผ้าอิ๋นหลิงเสียดสีกันชายผู้นั้นจึงรู้สึกตัว เขาหันมามองนาง
อิ๋นหลิงกำลังย่องเท้าหมายจะหลบหนี
นางก็พลันหยุดชะงัก แผ่นหลังเย็นวาบ…
ชายปริศนาจ้องเงียบๆ
เขาพอรู้ว่าท่าทางของนางตั้งใจจะหนีจากเขา แต่เขาก็อยากรู้ว่านางจะมีปฏิกิริยาใดต่อไป
นางรีบโกยอ้าวออกจากห้อง
วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
ครั้นเห็นสะพานทอดยาวอยู่เบื้องหน้า
อิ๋นหลิงน้อยจึงเข้าใจทันทีว่านี่คือทางออก คือเส้นทางเดียวที่จะไปจากเรือนอู่เชิง
เมื่อตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตรงไป
อิ๋นหลิงเกือบหยุดฝีเท้าไม่ทัน จู่ๆ
สะพานไม้ที่จะข้ามไปยังฝั่งก็หายไปอย่างรวดเร็วไม่เหลือแม้แต่เสา
อิ๋นหลิงโชคดีที่มือไวคว้ากอดราวระเบียงได้ทัน เรียวขาจึงตกขอบไม้ไปแค่ข้างเดียว
อิ๋นหลิงเม้มปาก ขณะนี้หนีก็ไม่ได้ อยู่ก็กลัวตาย
ชะตาข้าบ้าไปแล้ว! พ้นจากพ่อค้าทาสยังเจอปีศาจตัวเป็นๆ
อีก
อิ๋นหลิงหมุนตัวกลับไปทางที่เคยวิ่งออกมา
เดาว่าปีศาจที่นางเห็นในตอนนั้นเป็นคนทำให้สะพานหายไปแน่นอน
ระหว่างที่อิ๋นหลิงหันหน้ากลับมาเผชิญ
เขาซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยคล้ายบ๊ะจ่างสีแดงก็เดินเข้ามาใกล้
“เกือบตกน้ำป๋อมแป๋มเสียแล้วอิ๋นหลิงน้อย
เจ้าระวังหน่อยหากบาดเจ็บมาอาจจะต้องนอนในห้องอีกนาน” เขากล่าวด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ
พลางยื่นมือไปหานางเพื่อพยุงขึ้น
“เจ้าปีศาจ อย่ามาใกล้นะ ออกไปให้พ้น!” นางตวาดเสียงกร้าว ปัดมือเขาออกอย่างไม่ไยดี
คิ้วใต้ผ้าคลุมศีรษะขมวดเข้าหากันแน่น
เขาถาม “เจ้าเข้าใจอะไรผิดหรือไม่”
เย่าชิงคงไม่เข้าใจที่นางคิด
อิ๋นหลิงมองเขาอย่างไรถึงได้คิดว่าเป็นปีศาจ แล้วปีศาจไม่ดีอย่างนั้นหรือ
แม้ปราณในร่างจะเข้มข้นแต่ก็ควบคุมไว้เป็นอย่างดี และมิได้มีไว้เพื่อทำร้ายใคร
หรือว่า…ที่นางมีท่าทีหวาดกลัว มีสายตาแสดงถึงความรังเกียจเช่นนี้
นางอาจจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นของเขาเข้าแล้ว
“ข้าหรือเข้าใจผิด” อิ๋นหลิงกล่าว
“มือของเจ้า นั่นมันอันใดกัน จะบอกว่าภาพลวงตา ข้าเชื่อไม่ลงแน่
ดูอย่างไรก็มือของปีศาจ ข้าเรียกปีศาจล้วนถูกต้องแล้ว”
คำทำร้ายจิตใจคนฟังเอ่ยออกมา
ประจวบเหมาะกับโม่วโฉวถือชามข้าวต้มออกมาพอดี
ได้ฟังคำพูดร้ายกาจของหญิงสาวที่ขาดการยั้งคิดต่อผู้มีพระคุณ
ทำให้ลมโทสะพลันพวยพุ่งขึ้นศีรษะจนหน้าแดงก่ำ บ่าวชราโยนชามข้าวต้มทิ้ง
ตวาดหญิงสาวด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
“นางมนุษย์! กล้าดีอย่างไรถึงพูดกับนายข้าเช่นนี้!”
โม่วโฉวเดินพลังในมือถึงสิบส่วน “ในเมื่อพวกข้าช่วยชีวิตเจ้าได้
จะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้ก็ยังได้ อย่าอยู่เลย!” แล้วพุ่งตัวเข้าใส่อิ๋นหลิงหมายจะบีบคอ
เย่าชิงคงรู้เจตนาบ่าวรับใช้จากคำพูด
เขาจึงก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวเข้าแทรกระหว่างกลางขวางทางจู่โจม
เขาใช้ปราณหนึ่งส่วนปัดมือโม่วโฉวออกอย่างง่ายดาย
ผลักร่างชายชราจนลอยลิ่วกลับไปตกที่เดิม
แล้วสร้างเขตอาคมป้องกันอิ๋นหลิงไว้อีกชั้น
อิ๋นหลิงมองเขาอย่างงุนงง
ไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างหนัก ปีศาจตนหนึ่งออกหน้าปกป้องนางจากอันตรายนี่หรือ?
หาได้ยาก