บทที่
5
แท้จริงในใจเขาล้วนยากจะหยั่งถึง
พลังของเขาเมื่อครู่
กดดันคนธรรมดาอย่างนางจนแทบหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว
พลังยากจะหยั่งถึงเช่นนี้
เขาเป็นใครกัน ปีศาจมีพลังถึงเพียงนี้ หรือนางกำลังอยู่ในช่วงที่กำลังอ่อนแอ
เย่าชิงคงยืนบังร่างอิ๋นหลิงไว้
จ้องโม่วโฉวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
“ลงมือทำร้ายคนเป็นสิ่งที่ข้าสั่งห้ามเจ้ามาตลอด
เหตุใดถึงฝ่าฝืนคำสั่ง”
โม่วโฉวหน้าแดงหน้าดำ
ตอนนี้ในอกร้อนระอุดุจเปลวเพลิงลุกโหม ตอบนายท่านว่า
“ข้าน้อยยอมถูกนายท่านโกรธเป็นพันปี
ดีกว่าให้ใครก็ไม่รู้มาพูดจาทำร้ายท่านแม้ครึ่งคำ มนุษย์นั้นร้ายกาจที่สุดก็คือคำพูด
กล่าวกับผู้อื่นโดยขาดการยั้งคิด คนอย่างนางทำร้ายความรู้สึกผู้อื่นมานักต่อนักแล้ว”
บ่าวชราชี้นิ้วไปยังอิ๋นหลิง “และนางก็ใช้คำพูดไม่คิดต่อว่าท่าน
ข้ายอมไม่ได้”
“...” เย่าชิงคงจ้องเขม็ง
ไหนเลยบ่าวชราถึงต้องเดือดดาลแทนทั้งที่เขาไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนั้น
โม่วโฉวกัดฟัน
สีหน้าฉายแววเจ็บปวดแทน “นางไม่เหมาะสมจะเป็นสาวใช้ของท่านแล้ว”
เย่าชิงคงเข้าใจแล้วว่าโม่วโฉวห่วงใย
แต่ที่บ่าวชราทำใช่ว่าจะถูกต้อง
“เข่นฆ่าคนอื่นเพื่อปกป้องอีกคนนั้น
ข้าไม่ดีใจ อีกอย่าง นางไม่ได้จะมาเป็นสาวใช้ข้า”
เย่าชิงคงเปลี่ยนสีหน้าจากดุดันเป็นคลี่ยิ้มจางๆ
บ่าวชราฉงน
เมื่อมองดูชุดของนางกับนายท่าน ริมฝีปากเต็มด้วยหนวดเคราสีขาวก็ค่อยอ้าออกกว้าง
“ทะ…ท่านจะแต่ง…งาน
กับนางหรือ…”
“ถูกต้อง” เย่าชิงคงตอบสั้นๆ และหันไปพูดกับนางว่า “เจ้าฟื้นก็ดีแล้ว
นับแต่นี้ไป เจ้าเป็นภรรยาข้า ต่อให้หนีจนสุดหล้าฟ้าเขียว
หรือตายเป็นผีก็เป็นภรรยาข้า”
โม่วโฉวกับอิ๋นหลิงหน้าซีด
ตกใจที่เย่าชิงคงบอก
“...!!” ดวงตาอิ๋นหลิงเบิกกว้าง
ตกใจและงุนงงจนพูดอะไรไม่ออก ที่ชายหนุ่มพูด นางตามความคิดเขาไม่ทัน
สมองของอิ๋นหลิงพยายามประมวลเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างหนักหน่วง
ชายปริศนาคนนี้บอกว่านางเป็นอะไรนะ
ภรรยาหรือ?
นางจำได้ว่าพ่อค้าชั่วช้านั่นฉุดคร่ามาขาย
แล้วถูกชายชุดดำซื้อนางมา ซึ่งก็เป็นชายในชุดบ๊ะจ่างสีแดงตรงหน้า
แต่พอนางฟื้นขึ้นมาเขากลับบอกอย่างหน้าด้านว่านางเป็นภรรยา!
ความคิดทั้งหมดหยุดนิ่งลง
อิ๋นหลิงมองลงสำรวจเสื้อผ้าตนเองถึงกับอ้าปากค้าง
นางใส่ชุดสีแดงซึ่งเป็นชุดเกี่ยวกับพิธีแต่งงานเหมือนกันกับเขาด้วย
เขาถึงกับบังคับนางแต่งงาน!
“ท่านตลกร้ายเสียจริง
ล้อข้าเล่นอยู่หรือ ท่านเป็นใคร ข้ายังไม่รู้จัก กล้าดีอย่างไรถึงเรียกข้าว่าภรรยา
ไม่มีทางที่ข้าจะยินยอมแน่นอน” อิ๋นหลิงกล่าวพลางกัดฟันขยับตัวถอยออกห่างเขาด้วยท่าทีไม่พึงพอใจ
สวรรค์
นางสู้อุตส่าห์หนีลงมาแดนมนุษย์เพื่อตามหาประมุขอสูร
มีเวลาหาทางเลือกให้แก่ชะตาของตนเองแค่น้อยนิด จะได้ไม่ต้องถูกใคร
บีบบังคับและยึดครองร่างกาย แต่ชายคนนี้กลับฉวยโอกาสในตอนที่นางไม่มีกระทั่งเรี่ยวแรงตอบโต้
แอบอ้างว่าเป็นภรรยา แล้วยังพูดจาเอาแต่ได้ เช่นนี้ที่อิ๋นหลิงลอบหนีจากสวรรค์มาไม่เรียกว่าสูญเปล่าหรืออย่างไร
เย่าชิงคงมองหญิงสาวพลันกลั้วหัวเราะ “นั่นสินะ
ข้าเป็นสามีก็ควรจะแนะนำชื่อให้เจ้าได้รู้จัก ข้ามีนามว่าเย่าชิงคง
ส่วนเจ้าคืออิ๋นหลิงใช่หรือเปล่า ข้าพอรู้มาจากพ่อค้าทาสอยู่บ้าง”
“หาใช่เรื่องนั้น!”
อิ๋นหลิงรีบกล่าวตัดบท “เรื่องที่ข้าหมายถึง
คือเราเพิ่งพบกัน จู่ๆ จะให้ข้าเป็นเจ้าสาวทั้งที่ไม่เคยดูใจ
หรือแม้กระทั่งทำความรู้จัก อีกทั้งไม่เคยถามไถ่ความสมัครใจ จะให้เป็นภรรยาของปีศาจเช่นท่านด้วย
อย่างนี้มันไม่เอาเปรียบกันไปหน่อยหรือ”
ใจเย็นไว้
นางต้องใช้คำสุภาพกับเขาหน่อย เปลี่ยนจากเจ้าเป็นท่านเพื่อให้เกียรติ บางที
เขาอาจจะใจดีไม่กินนางที่พูดจาน่าฟังขึ้น
เย่าชิงคงคลี่ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำว่า ‘ปีศาจ’ ของนางแม้แต่น้อย
แต่กลับตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะอันเบาบาง พลางเปิดผ้าคลุมสีแดงออกจากศีรษะ
“เรื่องความสมัครใจหรือไม่นั้น
ข้าคิดว่าไม่จำเป็นเลยสักนิด ข้าซื้อเจ้ามา เจ้าย่อมต้องเป็นของข้าโดยปริยาย
มีเรื่องอันใดข้องใจนักหนาเล่า” เขากล่าวจบก็หันมายิ้ม
ดวงตาอิ๋นหลิงเบิกโตเท่าไข่ห่าน
ตะลึงความงดงามของบุรุษตรงหน้าจนหลบสายตามิได้
อา
เทพตกสวรรค์หรือ…
นางอยู่บนสวรรค์มานานหลายพันปีแต่มิเคยพานพบผู้ใดน่าดูชมเพียงนี้มาก่อน
ผิวพรรณราวกับชาวสวรรค์
จมูกโด่งสันคมประหนึ่งถูก
มหาเทพบรรพกาลปั้นแต่ง ดวงตาสีดำสนิทดุจราตรีที่เจิดจรัสด้วยดวงดาราส่องแสงพราวระยับ
ริมฝีปากหยักได้รูปสีดอกท้อ หากได้สัมผัสจะให้ความรู้สึกอย่างไรหนอ…
เขาเหมือนกับถือกำเนิดมาจากอัญมณีอันเลอค่าที่หายาก
ยามที่นางมองรู้สึกว่าเขาเจิดจ้ายิ่งนัก
ขณะนั้นลมเย็นโชยพัด
ปลุกอิ๋นหลิงให้ตื่นจากภวังค์ความลุ่มหลงในรูปลักษณ์ นางรีบเตือนตนเอง
นี่ไม่ใช่เวลามาเชยชมความงามบุรุษเพศ!
ไม่ได้
นางจะถูกล่อลวงด้วยความหล่อเหลาอย่างเทพมิได้เป็นอันขาด!
อิ๋นหลิงพยายามเลื่อนสายตาออกห่างจากสิ่งยั่วยุที่เรียกว่า
กิเลสตัณหา เกรงว่าหากหลงกลเข้าจะหาทางหนีไปได้มิได้
นางยังมีภาระที่ต้องตามหาอดีตประมุขอสูรอยู่อีก
แม้จะเผอเรอจนถูกพ่อค้าทาสจับไปขายก็ใช่ว่านางยอมนิ่งเฉยรอรับโชคชะตา
อิ๋นหลิงย่อมต้องข้องใจอยู่แล้ว
“จะให้ข้าเป็นภรรยาของท่านหรือ
ไม่บังคับข้าเอาเสียเลย” อิ๋นหลิงกล่าวประชด
สีหน้าแง่งอนไม่แม้แต่สบตาเย่าชิงคง “แค่ถูกพ่อค้าทาสจับตัวมาขายก็มิได้หมายความว่าข้าจะต้องเป็นของคนที่ซื้อมา
อีกประการ ข้ามีเรื่องที่จะต้องทำสำคัญยิ่งกว่า หากชักช้าแม้แต่วันเดียว
ชีวิตน้อยๆ ของข้าคงจบสิ้น” อิ๋นหลิงนั่งกอดเข่า
ท่าทางหงอยเหงาประหนึ่งหญิงสาวสิ้นหวัง
เขาคิดอยากจะยื่นมือไปลูบศีรษะ
ครั้นเห็นใบหน้าชวนเอ็นดูเศร้าเสียใจจำต้องหยุดไว้ครึ่งทาง
เมื่อนึกถึงคำพูดของนางแสดงถึงความรังเกียจก่อนหน้านี้ ทำให้เย่าชิงคงคิดไปวูบหนึ่งว่าโม่วโฉวกล่าวถูกต้อง
แต่พอมองดูอิ๋นหลิงอีกครา
นางก็มีแววตาที่น่าสงสารจริงๆ
ความคิดอันเลอะเลือนของโม่วโฉวจึงสลายจากสมองของเย่าชิงคงไปพลัน
“อยู่กับข้าแล้ว
มีเรื่องไม่สบายก็รบกวนข้าได้ ข้ายินดีจะช่วย”
อิ๋นหลิงเหลียวมองเย่าชิงคง
ใคร่ครวญคิดอยู่เป็นนาน
เขาน่ะหรือจะช่วยเหลือนางได้
นางต้องการจะตามหาคู่หมั้นที่เป็นอดีตประมุขอสูร ถ้าบอกไปเช่นนี้
คนที่ตีตนว่าเป็นสามีภรรยาอย่างเขาจะยินยอมช่วยนางแต่โดยดีได้อย่างไร
เป็นไปมิได้แน่นอน ดีไม่ดี เขาอาจจะเปลี่ยนใจฆ่านางตายเสียก่อนน่ะสิ
อิ๋นหลิงโบกมือ
ไม่บอกความจริงแม้ครึ่งคำ “ช่างเถิด”
หนทางนี้
นางเป็นฝ่ายที่เลือกมาเอง จะรบกวนผู้อื่นให้ลำบากได้อย่างไร
อิ๋นหลิงจิตใจสับสน
ทั้งหวาดกลัวชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอกห้องยิ่งนัก นับแต่พบพานกับประมุขเสี่ยนจู้มิเคยมีเรื่องไหนเลยจะเป็นเรื่องดี
มีแต่ปัญหาเข้ามามิรู้จบ มากมายเพียงนี้ นางที่เพิ่งเติบโตได้ไม่กี่หมื่นปีจะรับไหวได้อย่างไร
อิ๋นหลิงพยายามสงบสติอารมณ์
ขอร้องกับเย่าชิงคงสักข้อว่าอยากอยู่ลำพังสักระยะ ไม่ต้องการให้ใครรบกวน
เพื่อจะได้ใช้ความคิดทบทวนเหตุการณ์ให้ดีว่าควรทำเช่นใดต่อไป ได้หรือไม่
ยามนี้หากนางไม่มีสติ
นึกจะเอาแต่ใจตัวเอง ยังยืนกรานจะไปจากที่นี่อยู่เหมือนกับก่อนหน้านี้
ไม่มองสถานการณ์รอบด้านแล้วรีบปรับตัวละก็ได้ลำบากเป็นแน่ ยังดีที่เขาไม่ห้าม
ปล่อยให้นางกลับเข้าห้องไปไตร่ตรองเรื่องราวให้เข้าใจ
อิ๋นหลิงจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ได้ ตามใจเจ้า”
เย่าชิงคงมิได้ถือสาที่นางทำเป็นหมางเมินกับเขา
ในเมื่อนางเป็นภรรยาของเขาแล้วก็มิอาจจะปฏิเสธได้อีก
ถ้าอย่างนั้นเมื่อเจ้าตัวต้องการอันใด เขาย่อมอนุญาต
อิ๋นหลิงจึงลุกขึ้นทันทีเพื่อจะกลับเข้าห้อง
แต่ความรู้สึกเจ็บแสบบริเวณข้อเท้าปรากฏขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
นางยกชายกระโปรงสูงก้มมองดูเท้าที่มีอาการปวดแสบปวดร้อน
ไม่รู้ว่ารอยถลอกที่ข้อเท้าเกิดขึ้นเมื่อใด ครั้นคิดดูดีๆ จึงค่อยนึกออกว่า
เมื่อครู่ เท้าข้างนี้พลัดตกขอบระเบียงครูดกับเหลี่ยมไม้เข้าจึงได้แผลมา
แต่อิ๋นหลิงไม่สน
ยังฝืนเดินกะเผลกต่อไป พลันประกายแสงเกล็ด
สีนิลสะท้อนเข้าหางตา เขายื่นมือเข้ามาคว้าต้นแขนของนางไว้
อิ๋นหลิงตกใจเผลอร้องเสียงหลง เซถลาเข้าสู่อกกว้างทันที
เย่าชิงคงก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมือถึงไวกว่าความคิด
คว้าอิ๋นหลิงไว้โดยไม่รู้ตัว แต่เขารู้แค่ว่าหากนางยังอยู่กับเขา
เขาจะมิยอมให้นางเป็นอันใดไปเด็ดขาด
“ท่าน” อิ๋นหลิงเม้มปาก มองเจ้าของมือเกล็ดสีนิลตาขวาง
ไม่รู้ว่าคิดอันใดขึ้นมาได้อีกถึงลงมือฉุดกันอย่างปุบปับ
อย่าบอกนะว่าเย่าชิงคงเปลี่ยนใจ ไม่อนุญาตให้นางอยู่ตามลำพัง
ไม่ให้นางได้คิดหรือเลือกอันใดอีกแล้ว
เป็นอย่างนี้ก็แย่สิ
นางไม่ยอมหรอก
แต่ว่า...ชายหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าที่งดงามจริงๆ
อา...ใบหน้า
ตา จมูก ปาก กระทั่งสีของร่างกายช่างเข้ากันได้ดียิ่ง
อะแฮ่ม!
เย่าชิงคงก็นับว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่ง
ไฉนแขนของเขาตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงหัวไหล่ถึงมีแต่เกล็ดสีดำผิดรูปร่างไปหนอ
เขาควรจะมีกายเป็นเนื้อมิใช่หรือ เขาเป็นอะไรมากันแน่?
อิ๋นหลิงเกิดความสงสัยรูปลักษณ์ผิดแผกของบุรุษตรงหน้า
ทั้งที่มีใบหน้าอันหล่อเหลาราวเทพเซียน
แต่ผิวพรรณร่างกายกลับมีเกล็ดอัปลักษณ์ดั่งปีศาจ
นางนึกเห็นใจในความโชคร้ายเขาวูบหนึ่ง
จนกระทั่งเสียงของเขาปลุกภวังค์ของนางจนกลับมา
“เจ้าเจ็บอยู่”
อิ๋นหลิงไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของเขาเพียงเพราะเขาหน้าตาดีแน่นอน
นางรีบแสดงท่าทีต่อต้านความหวังดี พยายามแกะมือเขาออกแต่กลับไม่ได้ผล
“ปล่อยข้า!”
“ย่อมทำมิได้” ปลายนิ้วทรงพลังรวบแขนอิ๋นหลิงแน่น หัวคิ้วกดลึก “ข้าจะทายาให้”
“ไม่รบกวนท่านเย่าชิงคงให้ลำบากหรอก
ข้าจัดการเองได้”
“เจ้าดื้อหรือ” น้ำเสียงเขาเย็นเยียบ ยิ่งนางดื้อรั้นเท่าไร
เขาก็ยิ่งเกิดอารมณ์ขุ่นมัวมากขึ้นเท่านั้น
อิ๋นหลิงเห็นสีหน้าขุ่นเคืองของเย่าชิงคงเย็นยะเยือกมากกว่าเดิมจึงหยุดต่อต้าน
ด้วยเกิดกลัวขึ้นมาว่า...ถ้าหากเขาโกรธจนยับยั้งตัวเองไม่อยู่
เปลี่ยนใจมาฆ่านางแทนจะทำอย่างไร
แต่อีกใจก็ครุ่นคิดอย่างลังเล
เย่าชิงคงมัดมือชกนาง แต่งตัวให้ด้วยชุดสีแดงมงคล เรียกนางว่าภรรยา
เขาจะกล้าลงมือได้จริงๆ หรือ แม้ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตจะเป็นอย่างไร
แต่ถ้ายามนี้ยังคิดจะแข็งข้อไม่โอนอ่อน ไม่แน่ว่าภายหน้าอาจถูกจับกินก็ได้
ครั้นทบทวนหลายหนจนมั่นใจแล้ว
ตอนนี้คงต้องสงบเสงี่ยมหน่อย
เย่าชิงคงคลายขมวดคิ้ว
เปลี่ยนมาถอนใจแทน
“ทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้แล้วยังคิดจะปล่อยให้เลือดไหลไม่ทายา
อิ๋นหลิงน้อยช่างมีความสามารถเสียจริง” เขากล่าว
อิ๋นหลิงนั่งเงียบ
ก่นด่าตอบโต้เขาในใจ
ที่นางมีบาดแผลอย่างนี้เป็นเพราะผู้ใดกัน
หากมิใช่เขาทำให้สะพานหายไปจนนางเกือบตกน้ำตาย ไม่พอยังถูกแผ่นไม้ครูดจนต้องเป็นเช่นนี้
ยังจะว่านางได้หรือ?
อิ๋นหลิงขยับเท้าออก
มิให้เขาสัมผัสส่วนต้องห้าม ทว่า
เย่าชิงคงจับข้อเท้าได้ทันพลางช้อนสายตาจ้องเชิงดุเป็นนัยๆ
ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น
ครั้นจนปัญญาจะตอบโต้ แววตาเย่าชิงคงคล้ายผู้ใหญ่ตำหนิเด็กน้อยไม่มีผิด เป็นความกดดันชนิดหนึ่งที่ทำให้นางไม่กล้าแข็งข้อหรือขัดขืนอีก
“โม่วโฉว เอายามา”
โม่วโฉวเงียบมานาน
สีหน้าเหงาหงอยน้อยใจที่นายท่านไม่ฟังคำเตือนของเขา จึงเดินคอตกไปหยิบยาตามคำสั่ง
อิ๋นหลิงเห็นบ่าวชราทำท่าน้อยอกน้อยใจก็ลอบยิ้มนึกสบายอกสบายใจเงียบๆ
พร้อมหลุบตามองเขาที่กำลังวุ่นวายกับข้อเท้านาง
ดูๆ ไป
เขาก็มิได้ดูเหมือนคนใจร้ายอย่างที่คิด อุตส่าห์ช่วยนางมาจากตลาดค้าทาส
แล้วยังต้องมาทำแผลอีก เขาไม่ถือสา ไม่ตวาดบริภาษใส่ ไม่เอาเรื่องนางทั้งที่นางกล่าวถึงปมด้อยด้วยถ้อยคำรุนแรงเพียงนั้น
แต่เขาก็ยังไม่ตอบโต้อันใดรุนแรงคืนกลับมา
เย่าชิงคงผู้นี้เป็นปีศาจที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
อิ๋นหลิงยิ้มกริ่มบางๆ...เป็นคนประหลาดเสียจริง
ที่เขาเงียบ
เพราะเห็นนางเป็นเด็กตัวเล็กคนหนึ่ง ไม่ควรถือสา
หาความเท่านั้น
เขามีนิสัยอ่อนโยนอย่างผิดคาด
นุ่มนวลเพียงนี้...
ไม่ได้
อย่าหลงคนเพียงรูปลักษณ์สิ
อิ๋นหลิงเตือนใจ
รีบเงยหน้าขึ้นพยายามไม่มองเขาอีก จึงมองโม่วโฉวแทน
แต่บ่าวชรากลับเบะปากให้นางทั้งยังทำเชิดใส่
เฮอะทำงอนไม่พูดไม่จา
พอยื่นยาให้ก็เดินหลบไปอยู่ที่ไกลๆ ใครจะง้อเจ้ากัน
อิ๋นหลิงทำหน้าเบื่อหน่ายกลับไปบ้าง
โม่วโฉวเห็นก็ได้แต่
ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มิอาจทำอันใดอิ๋นหลิงได้เพราะเย่าชิงคงให้ท้ายนางอยู่
ชายหนุ่มหล่อเหลาหาได้สนใจท่าทางแง่งอนและสงครามอารมณ์ทางใบหน้าของทั้งคู่ไม่
ยังง่วนกับผ้าพันแผลอย่างเดิม
แม้โม่วโฉวจะเหมือนไม่ถูกชะตากับอิ๋นหลิงและทำทีเป็นน้อยอกน้อยใจ
เย่าชิงคงก็มิใคร่สนใจนักว่าใครจะโต้แย้งไม่เห็นดีด้วย
ที่รับอิ๋นหลิงเป็นภรรยาแม้ว่านางจะเป็นมนุษย์เพราะมีเหตุผล
แต่เขาไม่ชอบอธิบายจึงปล่อยบ่าวชราคิดไปเอง
นิสัยของบ่าวรับใช้คือถามแล้วจะไม่หยุดอยู่แค่คำถามเดียว
เขาตอบให้กระจ่างข้อหนึ่งย่อมต้องมีข้อที่สอง สาม สี่ และห้ามาเรื่อยๆ
จนเบื่อจะพูด
กระนั้นจึงตัดปัญหา
ไม่ตอบเสียเลย