ตอนที่ 9
พลาดท่า
แอลล่าส่งเสียงครางอื้ออึงเมื่อถูกนายยักษ์จู่โจมไม่หยุดและเหมือนร่างกายจะหมดลมหายใจเมื่อนายยักษ์มาดขรึมไม่ยอมถอนปากออกเสียที
นางแบบสาวยกมืออ่อนแรงขึ้นหยิกเอวสอบของคนฉวยโอกาส ส่วนคนถูกทำร้ายก็ครางเสียงฮึมฮัมอยู่ในลำคออย่างขัดใจ
ก่อนผละออกมาจ้องหน้าสวยๆ ของหญิงสาวที่เม้มริมฝีปากอิ่มแน่น
ทว่ามันห้ามเขาไม่ได้แน่
“เปิดปาก ฮันนี่”
กาคิมกระซิบบอกเสียงเข้มแล้วหันไปซุกไซ้ซอกคอระหง
เขานึกอยากรู้เหมือนกันว่านางแบบสาวจะห้ามร่างกายตัวเองได้ไหม แอลล่าอ้าปากค้างเมื่อเขาจูบเม้มที่ไหนก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้ ใจเธอก็เต้นระรัวจนจะทะลุออกมานอกอกเสียให้ได้
แวบหนึ่งของความรู้สึกก็ชื่นชอบสัมผัสของนายยักษ์
แอลล่าสะดุ้งตกใจกับความนึกคิดของตนแล้วก็ต้องผวาเฮือก
“ไอ้ยักษ์บ้า นายอย่าทำรอยนะ” แอลล่าร้องเสียงหลง
หลังจากบนเนินอกอวบมีมือใหญ่มายุ่มย่ามเคล้าคลึงราวกับเป็นเจ้าของเสียเอง
“ทำไมจะไม่ได้” บอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยถามเสียงแหบต่ำ ตาคมพร่ามัวเพราะพิษเสน่หา
เหลือบเห็นโซฟาแบบเตียงนอนอยู่ใกล้ระเบียงห้องพัก
ชายหนุ่มยิ้มบางเบาให้กับความนึกคิดที่จะทำต่อไป
แล้วเลื่อนสายตาขึ้นมองร่างระทวยของนางแบบสาว ตาโตกำลังปรือหวานช่างน่าหลงใหลนัก
กาคิมผ่อนลมหายใจอย่างเชื่องช้าให้กับความร้อนที่กำลังตื่นตัว
แล้วจงใจขยับร่างกายเสียดสีกับร่างนุ่มให้มากขึ้น แอลล่าสะดุ้งน้อยๆ
กับสัมผัสที่แนบชิดแต่กระนั้นเธอก็ยังเรียกสติของตัวเองกลับมาได้ไม่หมด
นางแบบสาวกำลังต่อสู้กับความรู้สึกส่วนลึกของร่างกายแต่เหมือนเธอจะพ่ายแพ้
กาคิมจึงเดินหน้าสร้างความซ่านเสียวให้กับหญิงสาวต่อไป
เมื่อร่างนางแบบสาวไม่มีอาการขัดขืน
หนำซ้ำยังชื่นชอบจุมพิตที่เขามอบให้และตอบสนองกลับมาได้อย่างร้อนเร่าจนเขาแทบควบคุมอารมณ์รักเอาไว้ไม่อยู่
“ถ้าไม่ตอบ ผมจะยิ่งทำรอยนี้ไว้ ว่าไงครับ ฮันนี่” เสียงกระซิบกระซาบชิดริมฝีปากบวมเจ่อ
ทำให้แอลล่าเริ่มดึงสติของตัวเองกลับมาได้บ้างจึงออกแรงผลัก
อ้าปากร้องห้ามแต่ก็ช้าไปกว่าบอดี้การ์ดหนุ่มที่ประกบริมฝีปากหนาลงมาปิดกั้นเสียงเธอจนหมดสิ้น
แอลล่าเบี่ยงหน้าหลบ แล้วเขาจะถามเธอทำไมกันเล่า
กาคิมใช้เวลากับริมฝีปากหวานอยู่นานจึงได้ยอมตัดใจละห่าง
ก่อนประทับจูบนุ่มนวลไปตามลาดไหล่เนียนที่ได้จัดการกับเสื้อผ้าบนร่างเย้ายวนออกจนหมด ร่างเปลือยงดงามถูกช้อนลอยจากพื้นจุดมุ่งหมายของกาคิมคือโซฟาแบบเตียงนอนใกล้ระเบียงทั้งที่ยังพรมจูบไปทั่วร่างงาม นาทีต่อมาแผ่นหลังของแอลล่าสัมผัสกับที่พื้นนุ่มตามมาด้วยร่างแกร่งที่เบียดชิดหลังจากเขาไปจัดการรูดม่านปิดกั้นสายตาของใครสักคนที่อาจเผอิญหันมาทางห้องพักของหญิงสาว
บอดี้การ์ดหนุ่มแนบเคล้าริมฝีปากไปทั่วผิวเนื้อเนียนนุ่มของนางแบบสาวไม่หยุด
กาคิมหวั่นใจไม่น้อยว่าตัวเองจะตกหลุมคนปากดีคนนี้เข้าให้
เพราะร่างกายเข้าร้อนรุ่มเหลือเกินเมื่ออยู่แนบชิดกันเช่นนี้
“นายยักษ์” แอลล่าท้วงเสียงขาดห้วง
เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวของอีตายักษ์บ้าแตะและยังทิ้งความชุ่มชื้นเอาไว้จนถ้วนทั่วทั้งเนินแก้มนุ่ม
คางเรียวมน ซอกคอระหงเรื่อยไปถึงผิวขาวผ่องช่วงเอวคอด
“ให้ผมรักคุณเถอะนะแอลล่า ผมชอบคุณ”
กาคิมสารภาพจากส่วนลึกของจิตใจ
แม้ครั้งแรกที่ได้พบจะไม่ถูกชะตาเพราะหญิงสาวปากกล้าเกินไป
แต่ในเวลานี้ความรู้สึกชอบกำลังเบ่งบานอยู่ในหัวใจของเขา
แอลล่าสั่นหน้าปฏิเสธการรุกรานที่ช่ำชองของผู้ชายร่างยักษ์
ร่างกายเธอสะท้านทั้งเย็นยะเยือกทั้งร้อนรนราวถูกไฟร้อนแนบนาบเมื่อมือใหญ่ลากไล้อย่างสำรวจทั่วกายสาวที่ยังไม่เคยมีใครหาญกล้าทำเช่นนี้กับเธอ นางแบบสาวอยากกลั้นใจตาย
มันช่างทรมานที่วาบหวามแบบไม่เคยพานพบ
หาใช่ทรมานเพราะความเจ็บปวดและนึกเกลียดตัวเองที่กำลังโอนอ่อนให้นายยักษ์
“อย่า นายยักษ์” นางแบบสาวปรามเสียงเบาหวิว
ใจเต้นรัวแรง
“เรามาไกลเกินกว่าจะให้ผมหยุดแล้ว ฮันนี่” บอดี้การ์ดหนุ่มกระซิบเสียงแหบห้าวแล้วลุกขึ้นจัดการปลดเปลื้องพันธนาการออกอย่างรวดเร็ว
นางแบบสาวหลับตาพริ้มเมื่อนายยักษ์ยืนอวดความยิ่งใหญ่
เรียวหน้าของนางแบบสาวแดงก่ำเผลอมองร่างกายของบุรุษหนุ่มแบบเต็มตาแล้วรีบเมินหลบ
แต่ดวงตาคมกริบกลับชื่นชอบกับท่าทางเขินอายของนางแบบสาวยิ่งนัก
ขืนให้เขาปล่อยตอนนี้ก็เสียดายแย่
“ไม่มองให้พอก่อนหรือ ฮันนี่” กาคิมส่งเสียงกระเซ้า
ก่อนเจอค้อนวงใหญ่ค้อนขวับ น่าแปลกที่เธอรู้สึกเหมือนรอคอยให้นายยักษ์เดินกลับเข้ามาคลอเคลียกับเรือนร่างของเธอ
“ฮันนี่ คุณสวยไปหมดทั้งตัวเลยนะครับ” กาคิมกล่าวชม
ให้ร่างกายเบียดชิดกับกายสาวอีกครั้ง
ริมฝีปากร้อนแตะแผ่วเบาราวผีเสื้อน้อยโบยบินพร้อมทั้งหยอกเย้าเรียวปากแสนหวาน
ในขณะที่สองมือใหญ่ก็ทำหน้าที่สำรวจร่างกายสาวไม่หยุด
แอลล่าสั่นสะท้านเมื่อถูกนายยักษ์สำรวจร่างกายราวกับต้องการค้นหาสิ่งของล้ำค่าแม้ว่าเธอจะทั้งห้ามทั้งผลักไสแต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด
“นาย...นายยักษ์”
แอลล่าครางได้เท่านั้นก็ถูกผู้ชายร่างยักษ์ขับกล่อมความสุขด้วยเสียงดนตรีที่เธอเพิ่งจะค้นพบและได้เรียนรู้จนไม่หลงเหลือความเป็นตัวเองอีกต่อไป
สองหนุ่มสาวที่ต่างก็ไม่ชอบหน้ากันมาก่อนต่างก็ตักตวงหาความสุขจากกันและกันจนถึงโน้ตเพลงรักตัวสุดท้าย
สติสตังของแอลล่าถึงได้กลับมา
ผิดจากกาคิมที่เมื่อได้เป็นเจ้าของผู้หญิงปากดีไปแล้วก็อยากจะฉุดรั้งเธอให้อยู่กับเขาตลอดไป
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
แอลล่าขยับตัวออกจากอ้อมกอดของนายยักษ์แล้วจ้องมองคนที่กกกอดเธอไว้ด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธปนอับอาย
แต่ภายในใจลึกๆ
กลับซ่อนเร้นอารมณ์ความรู้สึกดีใจเอาไว้กับถ้อยคำที่เธอได้ยินว่านายยักษ์บอกว่าชอบเธอ
แค่หวนให้คิดถึงริมฝีปากสวยก็แย้มยิ้มอย่างลืมตัว แล้วรีบสลัดไล่ความรู้สึกบ้าๆ
นั้นออกไปก่อนหันมาเล่นงานคนฉวยโอกาสด้วยการผลักเต็มแรง
“ไอ้ยักษ์! ตื่น! แล้วก็ออกไปจากห้องของฉันได้แล้ว” แอลล่าเอ่ยปากไล่หลังพาตัวเองออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มได้สำเร็จ
“ไล่สามีตัวเองไปไหนล่ะ”
คนโมเมก็ถามกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจให้เลยเถิดถึงขึ้นนี้
ส่วนแอลล่าก็อ้าปากค้างกับตำแหน่งที่นายยักษ์ยัดเยียดให้
เธอยืนจ้องคนฉวยโอกาสปากสั่นด้วยไม่รู้จะสรรหาคำใดมาต่อว่าผู้ชายคนนี้ดี
และเมื่อทำอะไรไม่ได้แอลล่าจึงวิ่งหนีสายตาแพรวพราวคู่นี้ไป
กาคิมฉีกยิ้มเต็มหน้าอย่างชอบใจเมื่อหญิงสาววิ่งหายเข้าไปยังห้องนอนทั้งที่ไม่เสื้อผ้าติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว
“ยั่วผมหรือไง ฮันนี่” กาคิมตะโกนถาม
แล้วลุกขึ้นตามหญิงสาวไป
“ไอ้ยักษ์บ้า! ฉันไปยั่วนายเมื่อไหร่ ไอ้ยักษ์เฮงซวย รีบๆ ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี่นะ!” แอลล่าโต้กลับหน้าแดงก่ำแต่ไม่หันไปมอง
ขณะที่กาคิมก็ตามมาทันพร้อมประชิดอยู่ด้านหลัง
แอลล่าหันมามองด้วยความตกใจรีบดันประตูห้องนอนไว้สุดแรง
สองหนุ่มสาวยื้อกันอยู่ไม่ถึงนาทีแต่ในที่สุดกาคิมก็แทรกตัวเข้ามาได้
เจ้าของห้องจึงรีบวิ่งไปคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมแต่ก็ช้าไปกว่าคนอย่างกาคิมอยู่ดี
คนร่างยักษ์จึงกระโจนเข้าใส่พร้อมเริ่มลงโทษหญิงสาวด้วยเพลิงพิศวาสอีกครั้ง
โทษฐานที่วิ่งหนีเขา แล้วยังคิดจะปิดประตูใส่หน้าเขาอีกด้วย
ที่ถนนเปลี่ยวของชุมชนแห่งหนึ่ง สภาพโดยรอบมืดสนิทสองข้างทางเป็นป่ารกทึบซึ่งเป็นที่กำบังให้กับชายหนุ่มร่างกำยำสามคนที่กำลังซุ่มดูเหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ยืนจับกลุ่มพูดคุยกันที่บ้านพักหลังหนึ่ง
หนุ่มหล่อกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อในที่สุดก็ค้นพบโรงงานของพวกมัน
ซึ่งงานนี้เขาได้ให้คนสนิทตามติดมันมานับเดือนหลังจากได้ข้อมูลที่แน่ชัดจากเพื่อนรักที่ทำธุรกิจอยู่มาเก๊า
กล้องส่องทางไกลประสิทธิภาพสูงถูกส่งให้กับผู้เป็นนาย ไม่นานคนที่เขาตามติดมันมาก็เดินหายเข้าไปยังบ้านหลังหนึ่งที่เขาคาดว่าภายในบ้านหลังนั้นต้องแหล่งเก็บของสำคัญของพวกมันแน่
ครู่ต่อมาเสียงเฮลิคอปเตอร์ก็ดังกระหึ่มอยู่เหนือพื้นดินและลงจอด พร้อมกับกลุ่มคนเดินออกมาอีกประมาณห้าคนแล้วหายเข้าในบ้านหลังนั้น
“ถ่ายภาพไว้ ฉันต้องการหลักฐานมัดมันให้แน่นที่สุด”
สิ้นคำสั่งคนฟังก็รีบปฏิบัติตาม ภาพทุกภาพถูกบันทึกไว้ทุกช็อต
ก่อนที่ทั้งสามจะหยุดนิ่งเพื่อฟังคำสนทนาของพวกมันผ่านเครื่องดักฟังที่ถูกติดไว้กับคนของตนที่ส่งเข้าไปโดยที่พวกมันไม่สงสัยเพราะคนพวกนั้นกำลังต้องการคนงานจึงหละหลวมในการตรวจสอบคน
“ผมต้องการของล็อตใหม่ทั้งหมดภายในอาทิตย์หน้า
คุณคิดว่าจะผลิตให้ทางเราทันหรือเปล่า คุณเอ็ดเวิร์ด”
เสียงห้าวของนายทุนค้าอาวุธเอ่ยขึ้นหลังจากตรวจสอบอาวุธเสร็จสิ้น พร้อมพอใจกับสินค้าที่มีอานุภาพร้ายแรงมากขึ้นตามที่ต้องการ
“ได้ครบจำนวนตามที่ต้องการแน่นอนคุณอลัน
คุณวางใจเถอะ เพราะตอนนี้ทางเรากำลังเร่งผลิต” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยบอกลูกค้าคนสำคัญที่ได้เดินทางมาตรวจสอบอาวุธด้วยตนเอง
ด้านอลันก็โค้งศีรษะพร้อมส่งยิ้มสุขุมให้ฝ่ายตรงข้าม
“ทางเราจะนัดวันส่งมอบสินค้าอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างพร้อม” ขาดคำคนทั้งหมดต่างก็แยกย้ายกัน
โดยที่มีอยู่คนหนึ่งพยายามเก็บรายละเอียดของสถานที่ด้วยกล้องขนาดจิ๋วทว่าประสิทธิภาพของมันนั่นใช่เล็กตามขนาด
พร้อมกับกลุ่มคนที่ทำการดักซุ่มเพื่อรอวันถล่มก็ล่าถอยอย่างรวดเร็วเช่นกัน
รถคันหรูที่มาพร้อมสมรรถนะเยี่ยมสีดำเงาวับแล่นฉิวมาได้ชั่วโมงเศษ
ภายในรถฝ่ามือร้อนของหนุ่มหล่อกำลังยกขึ้นลูบใบหน้าเพื่อคลายความเมื่อยล้า
แต่สายตาคมกริบจ้องมองภาพที่บันทึกไว้แล้วออกคำสั่งเสียงเข้มให้คนขับช่วยเร่งความเร็วขึ้นอีกเมื่อนึกได้ว่าที่แมนชั่นมีคนรอให้กลับไปจัดการ
โดยก่อนหน้านั้นได้โทร.สั่งให้ไมเคิลตามแม่บ้านขึ้นไปแก้มัดหญิงสาวหลังจากที่เขาต้องอยู่จัดการเรื่องที่โรงแรมต่ออีกจนถึงเช้าวันใหม่
ส่วนแพรนภัสกำลังงัวเงียๆ
ตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่และก่อนที่ตัวเองจะเผลอหลับไปยังคิดว่าตัวเธอต้องปวดเมื่อยทั้งตัวแน่ๆ
แต่ทว่าเธอไม่ได้โดนมัดมันแล้ว ร่างบางรีบดีดตัวลุกพึ่บ
แต่ต้องครางอื้ออึงเพราะเจ็บข้อมือที่บัดนี้เปลี่ยนจากถูกมัดมาเป็นโดนล็อกด้วยกุญแจมือติดกับหัวเตียงแล้วดิ้นอึกอักอยู่อย่างนั้น
โดยมีสายตาคมคู่หนึ่งจับจ้องไม่วางตา แล้วถอยห่างออกไปเพียงครู่เดียวร่างกำยำก็ยืนอยู่ใต้สายน้ำที่เย็นฉ่ำราดรดผิวกายสร้างความสดชื่นให้แก่เขา
และพอจะมีพละกำลังไปจัดการเหยื่อสาวได้ต่อ
ขณะที่เหยื่อสาวก็หมดแรงจะดิ้นจึงได้ผล็อยหลับไปอีกครั้ง
เกือบยี่สิบนาทีต่อมาราชสีห์หนุ่มก็เดินออกมาด้วยกางเกงนอนเพียงตัวเดียว
ยืนมองเหยื่อสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง
มือหนายกขึ้นลูบคางสากระคายอย่างหมายมาดก่อนย่างก้าวไปหาเหยื่อสาว
“หลับสบายดีไหม ทูนหัว”
เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วเรียวลากไล้ไปตามโครงหน้าเนียนใส
ปลดผ้าที่มัดปากออก แล้วเผลอมองกลีบปากนุ่มนิ่มอย่างหลงใหล ราชสีห์หนุ่มค่อยๆ
ประทับจูบกับริมฝีปากอิ่มอย่างนุ่มนวล
วิลเลียมอ้อยอิ่งกับริมฝีปากนุ่มจนพอใจก่อนหันเหริมฝีปากร้อนไปหาสองแก้มนุ่ม
อาศัยจังหวะที่หญิงสาวกำลังเผลอไผลสอดมือรุกล้ำเข้าไปสำรวจผิวเนื้อเนียนนุ่มใต้อาภรณ์และจัดการปลดบราสีหวานออกอย่างเบามือ
ตามด้วยปลดกุญแจมือออกจากข้อมือเล็ก
เขาจ้องมองร่างกายน่าปรารถนาก่อนฝากรอยจุมพิตร้อนเร่าไปทั่วเนินแก้ม
ลากไล้ไปจนถึงใบหูนุ่ม
แพรนภัสเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นและเกร็งเมื่อถูกสัมผัสจุดอ่อนไหว
สองมือเล็กวางนิ่งบนใบหน้าหล่อเหลาทว่าเธอไม่ผลักไสเขาอย่างที่ใจนึกอยากทำ
จึงถูกราชสีห์หนุ่มปล้นจูบอยู่อย่างนั้น
แพรนภัสนอนมองเขาตาปรือ
หัวสมองเบลอๆ คิดอะไรไม่ออก หนุ่มหล่อก็ชอบใจนักที่แม่สาวน้อยของเขาสิ้นฤทธิ์
จนต้องรั้งร่างระทวยขึ้นนั่งบนตักกว้าง พรมจูบทั่วหน้านวลอย่างอดใจไม่ไหวอีกครั้ง
และก็ถึงเวลาที่เขาจะตักตวงหาความสุขจากยายหัวขโมยคนนี้ได้แล้ว หลังจากให้เวลาหญิงสาวทำใจมาทั้งคืน
“รู้ไหมว่าตัวเธอหวานและนุ่มปากไปทุกส่วนเหลือเกิน
แล้วแบบนี้จะให้ปล่อยได้ไง” หนุ่มหล่อกระซิบเสียงแหบพร่า
ความต้องการในร่างกายก็มากล้นพร้อมกดร่างเล็กนอนราบไปพื้นเตียงหนานุ่ม
ลิ้นร้อนตวัดไล้ซอกหูนุ่มเรียกให้สติสตังของแพรนภัสหวนคืนมา ร่างน้อยดิ้นขัดขืนแต่ถูกวงแขนแข็งแกร่งกักเธอไว้
“คุณแฟรงค์
ยะ...อย่าค่ะ ปล่อยฉันก่อนเถอะ” ร่างเล็กปรามเสียงสั่นพร่า
ยกสองมือดันแผงอกล่ำของเขาเอาไว้
เธอรับรู้ว่าแผงอกล่ำนั่นกำลังสั่นสะท้านขึ้นลงอย่างรุนแรงพร้อมกับคำทักท้วงก็ดูจะไร้ผลเมื่อเขาไม่ฟังคำร้องห้ามของเธอเลยสักนิด
แถมยังมาวุ่นวายกับเสื้อผ้าบนกายเธอเสียอีก
“คุณแฟรงค์
ไม่เล่นแบบนี้นะ ฉะ...ฉันกลัว”
แพรนภัสร้องเสียงแผ่วเบาเมื่อเสื้อยืดของเธอถูกรั้งขึ้นไปกองอยู่เหนือเนินอก
ดอกบัวคู่งามไร้บราอวดความงามล่อตาล่อใจภมรหนุ่มหน้ามืดจนแทบกู่ไม่กลับ
“ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวสักนิด
แพรนภัส” เขาปลอบเสียงทุ้มพร่า ฝ่ามือร้อนสำรวจดอกบัวงามราวกับเจอของเล่นชิ้นโปรดจนกายสาวสั่นสะท้านกับความรู้สึกทั้งหนาวทั้งร้อนโจมตีจนเธอเริ่มแยกแยะไม่ออก
“ปล่อยเถอะนะ
ฉะ...ฉัน ยังไม่พร้อม” แพรนภัสอ้อนวอนเสียงแหบโหย ร่างกายเธอจะหมดแรงก็เพราะมือและปากแสนร้ายกาจของเขาที่มะรุมมะตุ้มกับร่างกายไม่หยุด
ทั้งที่เขามีเพียงสองมือเท่านั้นแต่ทำไมมันดูมีมากมายเหลือเกิน
จนเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสื้อผ้าบนกายหลุดหายไปจนหมดสิ้นในเวลาไหน
“ผมรู้ว่าทำยังไงที่รักถึงจะพร้อม
ตามใจผมเถอะ” หนุ่มหล่อกระซิบอ้อนชิดใบหูนุ่มและหยอกเย้าให้เธอยินยอมคล้อยตามจนแพรนภัสหลงมัวไปกับไฟพิศวาสที่กำลังรุมเล่นงานเธออยู่
ไม่นานนักร่างใหญ่ที่ก่ายกอดเธอก็ละห่างเพื่อปลดเปลื้องอาภรณ์อย่างเร่งรีบ
ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอื้อเอ็นดูเมื่อเจ้าของใบหน้าหวานเอียงหลบเมื่อได้เห็นร่างกายเปล่าเปลือยของเขา
และมันก็กำลังผงาดกล้าอย่างท้าทาย หากใครไม่อายก็บ้าแล้ว
ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างภาคภูมิกับความเป็นชายชาตรีของตน
“อย่าอายในสิ่งที่เรากำลังจะมีความสุขด้วยกันที่รัก” วิลเลียมเอ่ยเสียงทุ้ม
ตาคมจับจ้องไปยังร่างขาวนวลบนเตียงนุ่ม ร่างบางเมินหลบหลับตาพริ้ม ไม่มีแรงจะคลานหนี
และไม่รู้ทำไมเหมือนกันทั้งที่ใจก็ร่ำร้องว่าต้องรีบหนี
“ทูนหัว มองผมสิ”
เขาสั่งด้วยเสียงแหบห้าว แนบริมฝีปากร้อนกับหน้าผากมนสวย กดจูบย้ำแผ่วเบา
“มะ...ไม่”
เจ้าของเรือนร่างน่าปรารถนาปฏิเสธไม่เต็มเสียงดีนัก
ใจรู้สึกว้าวุ่นเหมือนรอคอยอะไรด้วยอาการของคนอยากรู้อยากเห็น
ศีรษะสวยส่ายสะบัดไล่ความคิดบ้าๆ จนคนที่เฝ้ามองเผยยิ้มอย่างรู้ทัน
“ลืมตามองผม
ทูนหัว” วิลเลียมกระซิบชิดใบหูเล็กพร้อมจูบเบาๆ อย่างเว้าวอนที่สองแก้มนุ่ม
แพรนภัสหดคอเกร็งส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน
ใช่ว่าจะไม่อยากมองให้เต็มตา แต่ในเวลานี้ อารมณ์นี้ เธอขัดเขินจนไม่กล้ามองหรือแม้แต่จะปิดบังร่างกายของตนเองอย่างที่ควรกระทำ
จึงทำได้เพียงนอนนิ่งๆ
ด้วยใจเต้นระรัวและเกร็งจนลมหายใจแทบหยุดเต้นเมื่อร่างกำยำเคลื่อนกายลงมาเคียงข้าง
ความร้อนจากเขาแผ่กระจายถึงเธออย่างรวดเร็ว
สองมือเล็กจิกลงบนพื้นเตียงนุ่มกับความรู้สึกที่ได้รับ
ริมฝีปากได้รูปสัมผัสทั่วเรียวหน้าหวานสีแดงเรื่อ
ก่อนแนบบดเคล้ากับเรียวปากอิ่มที่เย้ายวนใจยิ่งกว่าใคร
“อย่าค่ะ”
เสียงหวานท้วง ยกมือผลักไสร่างกำยำด้วยความหวาดกลัว
แต่มีหรือที่ราชสีห์หนุ่มผู้กระหายรักจะยอมทำตาม
เขารู้ว่าเธอบริสุทธิ์และเดียงสากับเรื่องนี้เหลือเกินจึงจำเป็นต้องค่อยๆ สอน
ทั้งที่ไม่เคยคิดจะลงมือสอนใครและด้วยจุมพิตอันช่ำชองของนักรักมากประสบการณ์ก็เริ่มปลุกเร้าความเสน่หาให้กับหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย
ริมฝีปากร้อนรุ่มตักตวงน้ำหวานจากเรียวปากเล็กอย่างอ้อยอิ่งแต่เรียกร้องให้เธอตอบรับ
และพร่ำสอนไม่นานหญิงสาวที่ไม่ประสาก็เริ่มหลงเมามัวอยู่ในวังวนพิศวาสที่เขาปลุกมันขึ้นมา
“เก่งแล้วทูนหัว”
เสียงแหบพร่าของผู้ฝึกสอนกล่าวชม พร้อมหอมแก้มนุ่มเป็นรางวัลแก่คนหัวไว
แต่ลูกศิษย์สาวกลับยังหวาดกลัวอยู่ไม่คลายเมื่อเขาละปากร้อนๆออก
ร่างบางจึงเริ่มขัดขืน
“คุณแฟรงค์ เอ่อ...คุณ
คุณจะทำจริงเหรอ” สิ้นคำถามของหญิงสาว ริมฝีปากได้รูปขยับยิ้มด้วยความเอื้อเอ็นดู
นิ้วเรียวยาวแตะเบาๆ ลงบนกลีบปากอิ่ม ก่อนประทับจุมพิตลงมาอย่างอ่อนโยนและนุ่มนวล
เขาโอ้โลมมาขนาดนี้คงถอยยากแล้วละทูนหัว
“กลัวเหรอ”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อมือน้อยที่เขากุมไว้นั้นสั่นเทา
แพรนภัสขยับเรียวหน้าตอบรับปนขัดเขินเขา
เพราะชื่นชอบคนหล่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแม้จะพยายามบอกให้เกลียดอีตาบ้านี่ก็เถอะ
นัยน์ตาหวานฉ่ำเฝ้ามองริมฝีปากน่าจูบของเขาที่กำลังจุมพิตปลายนิ้วของเธอ
มันทำให้ใจสั่นได้ไม่น้อย
“คุณ
ปล่อยฉันไปได้ไหม” ร่างบางครางถามราวคนละเมอ ก่อนเห็นเขาส่งยิ้มบาดใจมาให้
จนเธอต้องเมินหลบอย่างเขินอาย
“ปล่อยจ้ะที่รัก
แต่คงหลังจากที่ผมเสร็จเรื่องกับที่รักก่อนเท่านั้น รู้ใช่ไหมว่าคืออะไร”
เขาบอกเสียงนุ่มทุ้มแต่ติดจะสั่นพร่าเล็กน้อย
แล้วหันไปสนใจกับนิ้วเรียวน่ารักนั้นต่อ
“วะ...วัน
วันอื่นได้ไหม” แพรนภัสยังต่อรองเสียงสั่น เธอทำใจไม่ได้จริงๆ
ที่จะมีสัมพันธ์กับเขา
ทั้งที่เธอและเขาเพิ่งจะได้พบหน้ากันเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น
แล้วยังมีคำพูดของเพื่อนๆ ที่ดังกึกก้องให้เธอต้องหวาดผวาและนึกขยาดไม่น้อย
แต่ฝ่ามืออุ่นที่เลื่อนไล้ทั่วกายนุ่มของเธออยู่ตอนนี้ก็ยิ่งทำให้ทั้งอยากให้หยุดและอยากรู้
แล้วอาการร้อนวูบวาบที่เธอเป็นอยู่จะจางหายไปหรือไม่
“คงไม่ได้หรอกทูนหัว
เพราะผมต้องการคุณวันนี้และเดี๋ยวนี้ รู้บ้างไหมว่าคุณน่ากลืนกินมากที่สุด
ไม่ว่าแตะไปส่วนไหนก็นุ่ม ก็หอม ยั่วใจผมไปหมด แล้วจะให้ผมปล่อยคนได้ไง” วิลเลียมเอ่ยเสียงนุ่มแล้วคลี่ยิ้มอย่างปลอบประโลม
เลื่อนริมฝีปากร้อนจุมพิตเปลือกตาบางเบาของหญิงสาว
แพรนภัสหลับตาพริ้ม
ผ่อนลมหายใจที่ขาดห้วงออกมาอย่างที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ในเมื่อห้ามแล้วเขาก็ไม่ฟัง ขอร้องให้ปล่อยเขาก็ไม่ยอม แล้วเธอจะทำเช่นไรได้
แม้เขาจะหล่อเหลาเหมือนเทพบุตรก็ตามทีเถอะ
แต่คนอย่างเธอก็เป็นได้เพียงคู่นอนชั่วคราวเท่านั้น
‘หากครั้งนี้หลีกหนีไม่พ้นจริงก็ถือว่าชดใช้ค่าข้าวของแสนแพงนั่นไปซะ
แล้วเธอจะได้กลับบ้านและไม่ต้องมาพบเจอคนที่พรากพรหมจรรย์ของเธออีก’
หญิงสาวคิดอย่างปลงๆ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอต้องมาสูญเสียสิ่งหวงแหนให้กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้
คนที่ทำให้ใจเธอไหวหวั่น
“กลัวมากหรือสาวน้อย
งั้นนอนเฉยๆ นะ ผมรู้ว่าคุณยังไม่เคย แต่ไม่ต้องห่วงลีลาขั้นเทพของผมจะทำให้คุณไม่รู้สึกเจ็บปวด
แต่จะรู้สึกซ่านเสียวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เชื่อผมเถอะทูนหัว
เราจะมีความสุขด้วยกัน” เสียงทุ้มเอ่ยบอก สายตาแพรวพราว
“บ้าน่ะสิ” เสียงหวานสั่นต่อว่าหน้าแดงซ่าน
อยากจะร้องบอกเหลือเกินว่าจะทำอะไรก็รีบๆ ทำซะทีเถอะ ทุกอย่างจะได้จบ
เธออยากออกไปจากที่นี่จะตายอยู่แล้ว
“กลิ่นหอมจากตัวคุณนี่ให้ความรู้สึกดีเหลือเกินทูนหัว
เห็นตัวเล็กๆ แต่เต็มไม้เต็มมือเหลือเกิน” เพียงแค่พูดจบเขาก็มุ่งตรงไปยังดอกบัวคู่งาม
หยอกเย้าเล่นอย่างนึกสนุก
“คุณแฟรงค์ ไม่ๆๆ
ปล่อยฉันเถอะนะ ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ” เสียงหวานครวญครางเมื่อถูกจูโจม
แม้จะฝืนใจยอมรับแต่ทว่าหญิงสาวก็ยังมิวายจะค้าน
แพรนภัสผวาเฮือกเมื่อฝ่ามือร้อนเลื่อนไปยังเรียวขาพร้อมเสียงเคาะประตูดังรบกวนติดต่อกันหลายครั้ง
ทำเอาหนุ่มหล่อหยุดชะงัก เงยหน้าจากร่างนุ่มนิ่มด้วยความเสียดายและหงุดหงิด
“เฮ้ย! มีอะไรกันวะ ไอ้ไมเคิล!” เสียงห้วนจัดตะโกนกลับหลังคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกาย
พร้อมตวัดผ้าห่มคลุมร่างแน่งน้อยเอาไว้
พอพ้นหลังเขาไปได้แพรนภัสรีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งตามเขาไปแล้วก็ร้องเสียงหลงเมื่อถูกท่อนแขนแข็งแกร่งตวัดรัดเอาไว้
“เผลอไม่ได้เชียวนะ”
วิลเลียมส่งเสียงดุคนในอ้อมกอดแล้วจับพาดบ่าโยนร่างเล็กลงบนเตียงจัดการล็อกด้วยกุญแจมือ
“ไอ้ผู้ชายบ้า! ปล่อยฉันนะ!” แพรนภัสแผดเสียงใส่ สองเท้ายกถีบไม่ยั้ง
“เงียบ!” ขาดคำก็คว้าเอาผ้ามาจัดการมัดปากหญิงสาวไว้
พร้อมกับเสียงเคาะประตูที่ดังแบบไม่เกรงอกเกรงใจเจ้าของห้อง
วิลเลียมกัดกรามกรอดด้วยความโมโหทั้งคนที่อยู่ในห้องและคนหน้าห้อง
เมื่อลากตัวแพรนภัสไปล็อกไว้กับเสาเตียงด้วยเนคไทเรียบร้อยร่างกำยำก็เดินไปกระชากประตูเปิดออก
“ว้าว! ที่รัก”
เสียงเซ็กซี่พร้อมร่างสูงเพรียวโถมเข้าโอบกอดคนที่เดินออกมาด้วยร่างกายเปลือยท่อนบน
นิ้วเรียวสวยของหญิงสาวกรีดกรายบนแผงอกล่ำสันของชายหนุ่มพร้อมกับริมฝีปากอิ่มเอิบก็แนบสนิทบนเรียวปากได้รูปของทายาทกัลลาสที่ยังยืนนิ่งงันกับการกลับมาของอดีตแฟน
เขาปล่อยให้สาวสวยกระหน่ำจูบจนพอใจแต่ไม่คิดจะสนองตอบรอให้อีกฝ่ายทนไม่ได้ก็เลิกจูบไปเอง
“ต้อนรับการกลับมาของฉันด้วยชุดนี้เลยเหรอแฟรงค์
ยอดรักของฉัน” มิแรนด้า
สาวสวยเจ้าของห้องเสื้อดังพูดขึ้นหลังจากหงุดหงิดใจที่ไม่ได้รับจูบตอบในขณะที่เธอต้องเดินทางหลายชั่วโมงเพื่อมาหาเขา
แถมยังไม่พักแม้แต่นิดเดียว แต่ใครจะสนล่ะ
มิแรนด้ายิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วดันร่างสูงกลับเข้าไปในห้องผลักเขาชิดผนังแล้วเบียดร่างเข้าหาอย่างยั่วเย้า
เธอรับรู้มาตลอดเวลานับตั้งแต่เธอทิ้งเขาไป
อดีตแฟนหนุ่มก็กลายเป็นนักรักที่ลีลาไม่เคยน้อยหน้าใคร
แต่ที่เธอยังกลับมาหาเขาไม่ได้เพราะสามีของเธอ
แต่วันนี้เธอไม่มีพันธะใดๆอีกแล้วเมื่อสามีผู้เร่าร้อนของเธอชิ่งหนีตายไปเสียก่อน
“แค่นี้ใช่ไหมที่ต้องการ
ถ้าได้แล้ว ก็กลับไปซะ” วิลเลียมเอ่ยถามเสียงห้วน
พร้อมกับมือร้ายกาจของสาวสวยเริ่มเลื่อนต่ำยุ่งวุ่นวายกับผ้าเช็ดตัวของเขา
“แค่นี้! แล้วมันแค่ไหนกันล่ะ แฟรงค์ ฉันรู้ว่าคุณร้อนแรง
แต่คุณลืมไปแล้วหรือว่าคุณยังไม่เคยแสดงให้ฉันเห็นเลยนี่”
เธอยั่วเขาด้วยเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่เธอยอมให้เขาแตะต้องร่างกายเธอ
แต่เขากลับไม่สนใจอ้างว่าไม่เหมาะบ้าง ยังไม่ถึงเวลาบ้าง
จนเธอต้องประชดเขาหันไปคว้าหนุ่มรุ่นน้องซึ่งก็คือสามีผู้ล่วงลับ
ลูกชายของมหาเศรษฐีแห่งกรุงปารีสที่มาตายจากไปทั้งที่เธอยังสาวด้วยการมีอะไรกับหนุ่มหน้าอ่อนแล้วให้เขาเห็นกับตาว่าเธอก็ไม่แคร์เขา
หากเขาไม่ต้องการ เธอก็มีอีกหลายคนที่ต้องการเธอ
แต่ตอนนี้เธอกำลังต้องการความเร่าร้อนของเขาและแฟรงค์ต้องกลับมาเป็นผู้ชายของเธอเพียงคนเดียว
“ผมร้อนแรงกับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่คุณ
มิแรนด้า” กล่าวจบวิลเลียมก็ดันร่างมิแรนด้าออก แต่สาวสวยยังดื้อดึง
โดยที่ภาพนัวเนียของชายหญิงกำลังเป็นที่สนอกสนใจของอีกคนที่ชะเง้อคอมอง
ทว่ากลับเสียใจอยู่ลึกๆ เมื่อรู้ว่าเขาก็มีคนของเขาอยู่แล้ว
แล้วทำไมยังจะมาทำแบบนี้กับเธอ
“แฟรงค์
คุณจะมาผลักไสฉันแบบนี้ไม่ได้นะ คุณเคยเป็นของฉัน” มิแรนด้าโพล่งขึ้นอย่างขัดใจ
เมื่อทุกอย่างไม่ได้เป็นตามที่หวัง
ทั้งที่เขาก็ไม่เคยมีใครเป็นตัวเป็นตนนับตั้งแต่เลิกรากับเธอ
“คุณคิดผิดแล้วล่ะมิแรนด้า
แล้วก็รู้เอาไว้ซะว่าคุณหมดความสำคัญกับผมนับตั้งแต่วันที่คุณไปทอดกายให้ไอ้หน้าอ่อนคนนั้น
แล้วก็จำไว้ว่าคนอย่างผมไม่คิดกลับไปหาผู้หญิงแบบคุณ กลับไปซะมิแรนด้า
อย่าให้ผมต้องโยนคุณออกไป”
ขาดคำไร้เยื่อใยหญิงสาวก็โถมร่างเข้าหาอย่างไม่สนใจ
ริมฝีปากสวยเป็นฝ่ายบดจูบอย่างรุนแรง
ร่างสองร่างกอดรัดกันนัวเนียพากันไถลลื่นไปกับผนังจนล้มลงบนโซฟาเรียบหรูต่อหน้าต่อตาแพรนภัสที่กำลังมองตาโตด้วยความตกตะลึง
พอได้สติคนที่ไม่อยากเห็นฉากรักของใครก็ยกเท้ากระทืบบนพื้นหวังให้สองคนที่ปล้ำจูบกันอยู่ได้หันมาสนใจว่ายังมีเธออยู่ด้วยอีกคน
“แฟรงค์
ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะทานทนการยั่วยุของฉันไปได้สักแค่ไหน”
หลังจากนั้นหญิงสาวร้อนแรงปมผ้าเช็ดตัวบนร่างกำยำก็หลุดหาย
มันถูกเหวี่ยงไปกองอยู่ที่ปลายเท้าของอีกคน
มิแรนด้ามองร่างกายของแฟนหนุ่มแล้วยิ้มอย่างสะใจที่เมื่อร่างกายของเขาสนองตอบเธออย่างรวดเร็วต่างจากแพรนภัสที่ร้องอื้อๆ
ผ่านผ้าที่มัดปากเอาไว้ แถมคนที่ปล้ำจูบกันไม่ยอมหยุดนั่นก็ดูจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
สาวไทยผู้ไม่เคยพบเห็นฉากวาบหวิวรีบหลับตาปี๋ เท้าเล็กยกกระทืบบนพื้นพรมไม่ยั้ง
“เลิกบ้าซะที
มิแรนด้า”
เสียงเข้มตวาดกร้าวหลังปล่อยให้อดีตแฟนสาวกระหน่ำจูบและลูบไล้ทั่วผิวกายจนร่างกายที่ร้อนระอุอยู่แล้วเริ่มตื่นเพริดมากกว่าเดิมแล้วผ่อนลมหายใจหนักๆ
ออกมา ตาคมหันไปเห็นยายหัวขโมยยืนหลับตาแน่นเท้าเล็กๆ ก็กระทืบพื้นระรัว
เขายอมรับว่าตกใจไม่น้อยที่หลงลืมหญิงสาวไปชั่วขณะ
วิลเลียมละสายตาจากแพรนภัสมาก้มมองอดีตแฟนสาวที่เริ่มรุกล้ำร่างกายเขามากขึ้น
มือใหญ่ผลักหญิงสาวออกห่างแต่คนอย่างมิแรนด้าหรือจะยอม
เจ้าหล่อนเคลื่อนตัวมาคร่อมร่างกำยำไว้
พร้อมเร่งปลดเดรสสั้นออกเพราะคนอย่างเธอต้องมีเพียงคำว่าได้เท่านั้น
“คุณต้องการมากใช่ไหม”
ขาดคำห้าวห้วน ร่างของมิแรนด้าก็ล้มกระแทกพื้น
วิลเลียมลุกขึ้นเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่หล่นอยู่ปลายเท้าแพรนภัสขึ้นมาพันรอบสะโพก
มองสาวไทยที่ยืนตาหลับแน่นตัวสั่น ก่อนหันไปส่งเสียงเรียกไมเคิลให้มาจัดการอดีตแฟนสาวที่ดิ้นเร่าๆ
อย่างขัดใจ
“มิแรนด้า
นี่ไงผมมีบอดี้การ์ดนับสิบจะทำอะไรก็ได้ ผมอนุญาต”
น้ำเสียงห้วนจัดเอ่ยขึ้นพร้อมแววตาที่ไร้ความรักเหมือนเมื่อครั้งเกือบสิบปีก่อนส่งมาให้
มิแรนด้าหวีดร้องสุดเสียงเมื่ออดีตแฟนหนุ่มแสดงท่าทีเฉยชาใส่
ขณะที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกคนก็ยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมองเพราะกลัวเจอภาพสยอง
“หยุดได้แล้วมิแรนด้า
ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน
เพราะคนอย่างผมมันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วโดยเฉพาะผู้หญิงอย่างคุณ”
ทันทีที่ฟังจบเสียงกรีดร้องของมิแรนด้าก็ยิ่งดังขึ้น พลันสายตาหันไปเห็นหญิงสาวที่ถูกจับมัดติดเสาเตียงอยู่ภายในห้อง
อารมณ์โมโหที่ไม่ได้ดั่งใจก็มีมากขึ้น เธอขจัดนางแบบในสังกัดให้พ้นทางได้
แล้วทำไมแค่ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาแค่นี้จะทำไม่ได้เจ้าของห้องเสื้อชื่อดังยิ้มเย็นพร้อมจะกำจัดทุกคนให้พ้น
“เพราะหล่อนใช่ไหมแฟรงค์
ทำไมต้องให้มันมาอยู่ในห้องนี้ แล้วมันเป็นใคร”
สิ้นน้ำเสียงกราดเกรี้ยวของมิแรนด้า คนที่รู้ตัวว่ากำลังถูกกล่าวถึงก็ลืมตาขึ้น
สอดส่ายสายตามองสองหนุ่มสาวสลับกันไปมา
แล้วก็หน้าร้อนผ่าวเมื่อคนบ้ากามมีเพียงผ้าสีขาวผืนเดียวพันกาย
หรือว่าเขากับคุณคนสวยจะ...
แพรนภัสรีบสลัดศีรษะไล่ความนึกคิดที่ไปไกลสุดกู่ให้กลับมาแล้วหันมามองคนนั้นทีคนนี้ที
“ผู้หญิงของผม
คุณอย่าได้คิดแตะต้องเธอ ไมเคิล พาออกไป”
กล่าวจบร่างของมิแรนด้าก็ถูกลากออกไปพร้อมกับเสียงเปิดปิดประตูสลับกับเสียงกรีดร้องของมิแรนด้า
ส่วนคนที่ตื่นตระหนกอยู่ก็ใจสั่นระรัวมองเขาอย่างหวาดระแวงจะหนีก็หนีไม่ได้เพราะถูกมัด