เมื่อสองวันที่แล้วหรัณย์ติดต่อดารินเพื่อให้เตรียมตัวที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา
หญิงสาวจึงรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จทั้งเรื่องงานและที่บ้าน
ในตอนนี้เธอกำลังยืนรอเขาในชุดพยาบาลขาวสะอาด
รองเท้าคัทชูหุ้มส้นพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่
มีเสื้อผ้าข้าวของเท่าที่จำเป็นบรรจุเอาไว้ข้างใน
“รอนานไหมครับ”
หรัณย์เดินมาหาหญิงสาวที่ยืนรออยู่ภายในห้องพิเศษที่เหลือแต่เตียงเปล่าของชนา
ส่วนตัวคนป่วยถูกนำไปไว้ในรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ชนาไปไหนล่ะคะ”
“อยู่ในรถพยาบาลครับ
ส่วนคุณมานั่งกับผมที่รถส่วนตัวก็ได้”
“ค่ะ”
ดารินพยักหน้ารับ พลางก้มไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางพิงเอาไว้กับพื้น
หรัณย์เห็นเธอตัวเล็กนิดเดียวกลัวจะหนักเกินไปสำหรับหญิงสาว เขาจึงยื่นมือไปตรงหน้าหวังจะช่วยถือ
“เดี๋ยวผมช่วยครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ
ฉันถือเองได้” ด้วยความที่ไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใครดารินจึงเอี้ยวมือหนี แต่เขาก็ไม่ยอม
ยังคงพยายามแย่งสายหูกระเป๋าออกจากมือเล็กจนเธอต้องยอมให้เขาช่วย
“ตามผมมาครับ”
ร่างสูงเดินนำไปพร้อมกับเป๋าที่ถืออยู่ พยาบาลสาวจึงเดินตามแผ่นหลังกว้างเงียบๆ
ในระหว่างทางหญิงสาวก็เผลอแอบมองเขาโดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่สนิทกับชนาเธอก็ไม่เคยได้ย่างกรายเข้าไปในบ้านของเขาเลย
ถ้าหากบ้านเขาอยู่ใกล้ๆ เธอคงได้เจอหรัณย์ไปตั้งนานแล้ว
คงได้รู้ว่าชนามีพี่ชายที่สุภาพและอบอุ่นขนาดนี้
เมื่อหรัณย์เดินนำมาถึงรถเขาก็เป็นฝ่ายเปิดประตูรถให้หญิงสาว ดารินเข้าไปนั่งในรถอย่างสงบเสงี่ยม
ก่อนจะเอื้อมมือไปคาดเข็มขัดนิรภัย ใบหน้าสวยเหม่อมมองชายหนุ่มทุกอิริยาบถจนกระทั่งเขาพาตัวเองมานั่งฝั่งคนขับ
ไม่อยากจะเชื่อว่าใจที่ไม่เคยจะหวั่นไหวกับอะไรง่ายๆ เมื่อมาเจอความสุภาพอ่อนโยนทั้งคำพูดและการกระทำของหรัณย์
หัวใจดวงน้อยก็เผลอเต้นแรงขึ้นมา
หญิงสาวเหม่อมองนอกหน้าต่างระหว่างการเดินทาง
ต้นไม้พลิ้วไสวตามแรงลมคล้ายฝนจะตก เพิ่มความเหงาให้ทั้งสอง เพราะต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบอยู่กับความคิดของตัวเอง ความหนาวพัดมาต้องกายจนร่างบางต้องยกมือขึ้นมากอดอก ถ้าหากคนข้างๆ เธอตอนนี้เป็นชนาเขาคงพูดกวนๆ แล้วทำท่าจะเข้ามากอดเธอแน่ๆ
แต่พี่ชายของเขายังคงนั่งนิ่งตั้งใจขับรถราวกับเขาอยู่บนรถเพียงคนเดียว
มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว
ตื่นขึ้นมาสักทีสิชนา
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
พอเห็นสีหน้าดูเศร้าสร้อยของดารินชายหนุ่มจึงทักขึ้น เพราะดูอีกฝ่ายจะนั่งนิ่งๆ กอดอกราวกับมีเรื่องเศร้ามากมายเก็บอยู่ภายในใจ
“ฉันแค่คิดถึงชนาน่ะค่ะ”
เสียงแผ่วของดารินเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ
เหมือนร่างกายไร้เรี่ยวแรงเมื่อนึกย้อนถึงความน่ารักของชนาเมื่อครั้งก่อน
ในตอนที่อ่อนแอเพื่อนรักจะคอยเป็นกำลังใจให้เธอเสมอๆ
คนที่คอยดูแลเธอตลอดมาต้องกลายเป็นคนที่แทบจะหายใจด้วยตัวเองไม่ได้ แค่นึกก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“วันนั้นคุณยังบอกให้ผมสู้อยู่เลย
มาวันนี้ทำไมเศร้าเองล่ะครับ”
“นั่นสิคะ
ฉันต้องสู้สินะ” ใบหน้าสวยเผยยิ้มให้ชายหนุ่ม ซึ่งหรัณย์ก็ยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน
ก่อนจะกำปั้นชูขึ้นพร้อมกับบอก ‘สู้ๆ’ เพื่อปลุกใจให้เธอกลับมามีแรงฮึดอีกครั้ง
“ขอบคุณมากๆ
นะคะ”
“ครับ
ยังไงคุณก็เป็นเพื่อนของชนา คิดว่าผมเป็นพี่ชายคนนึงก็ได้ครับ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ
ชนาเค้าเป็นคนขี้หวง
ถ้ารู้ว่าฉันเอาพี่ชายของเขามาเป็นพี่ชายตัวเองมีหวังน้อยใจแน่ๆ”
เสียงเล็กบอกปนขำกับนิสัยขี้หวงของเพื่อนรัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขา
เขาไม่มีทางยอมแบ่งให้ใครได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะแค่ของกินเล็กๆ น้อยๆ ชนายังเคยหวงของกับเธอเลย
“จริงสิ
ผมลืมไปเลย แต่ก่อนผมไม่กล้าแย่งของเล่นชนาเลย แย่งทีไรมีร้องไห้ไปฟ้องแม่ตลอด ฮ่าๆ”
เสียงขำที่ดูเหมือนจะมีความสุขแต่มันกลับเจือความเศร้าซะจนเป็นเสียงขำที่ดูหดหู่ใจ
“คุณดารินดูสนิทกับชนาจังเลยนะครับ”
“สนิทกันตั้งแต่เรียนมหาลัยน่ะค่ะ
ตั้งแต่รู้จักกันเขาก็ไม่เคยทิ้งฉันไปไหนเลย เรามีกันแค่สองคน แถมยังคุยกันได้ทุกเรื่อง
เขาเป็นทั้งเพื่อนแล้วก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของฉันคนนึงเลยค่ะ”
“ถ้าเขาได้ยินแบบนี้คงดีใจน่าดูนะครับ”
“ฉันก็อยากให้เขาตื่นมาได้ยินเหมือนกันค่ะ
เพราะที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยจะพูดจากับเขาดีๆ เท่าไหร่
ไม่เคยจะใส่ใจเขาเหมือนที่เขาใส่ใจฉันเลย กว่าจะนึกได้มันก็เกือบจะสายไปแล้ว” ดารินพูดเสียงเศร้าเมื่อนึกถึงชนาเพื่อนรัก
“อย่างน้อยเขาก็ยังอยู่นี่ครับ
คุณบอกให้ผมรอเขา คุณก็ต้องสู้ต่อเพื่อรอเขาเหมือนกันสิ”
“ฉันเคยเป็นคนบอกให้คุณไม่ท้อ
แต่วันนี้ฉันดันมาท้อซะเอง แย่จังเลยนะคะ”
“ไม่หรอกครับ
อย่าคิดมากน่า” หรัณย์เอื้อมมือไปกุมมือเล็กของดารินไว้ ทว่าพอเขาสัมผัสโดนมือหญิงสาวเพียงนิดเดียวร่างบางกลับสะดุ้งโหยงแล้วรีบถอยหนี
“ผมขอโทษครับ
ผมแค่อยากจะปลอบ”
“ฉันแค่เป็นคนขี้ตกใจน่ะค่ะ
ไม่ได้รังเกียจนะคะ” ดารินรีบแก้ต่างเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาเจื่อนลง
“ครับ ผมเข้าใจ”
หรัณย์ยิ้มอบอุ่นให้ในขณะที่เขาหันหน้าไปสนใจกับท้องถนนที่ไกลสุดลูกหูลูกตาแทน ระยะทางจากบ้านเขากับโรงพยาบาลต้องใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม
ฉะนั้นตอนที่ชนาเข้าโรงพยาบาลเขาเลยต้องหอบเสื้อผ้าไปค้างที่โรงพยาบาลด้วยเพราะจะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง
พอน้องชายต้องมารักษาตัวที่บ้านจึงเป็นฝ่ายดารินที่ต้องหอบเสื้อผ้ามาค้างแรมที่บ้านเขาแทน
หรัณย์บังคับรถยนต์ส่วนตัวขับมาจอดเทียบหน้าประตูรั้วไม้สูงเหนือศีรษะ
ชายหนุ่มบีบแตรเรียกไม่นานก็มีแม่บ้านวัยกลางคนเดินแกมวิ่งมาเปิดประตูให้ รถยนต์คันหรูขับตรงไปอีกประมาณสิบเมตรก็เลี้ยวเข้าไปจอดยังโรงรถของบ้านที่อยู่ติดกับสวนหย่อมขนาดใหญ่
พอลงจากรถแล้วดารินก็หันมองสำรวจทั่วบริเวณของบ้านที่ดูเพียงแวบเดียวก็พอจะเดาออกว่าเจ้าของบ้านหลังนี้รวยระดับที่เรียกว่าเศรษฐี
เธอไม่คาดคิดว่าชนาจะมีฐานะร่ำรวยขนาดนี้ เพราะปกติเขาก็ใช้ชีวิตธรรมดาๆ หอพักก็ไม่ได้แพงอะไร
ถ้าหากเป็นคนอื่นถ้ามีเงินทองมากมายคงไม่ใช้ชีวิตสมถะเช่นเขาแน่ๆ
“ป้าจัดแจงห้องตามที่ผมบอกรึยังครับ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหรัณย์
ห้องของคุณพยาบาลอยู่ติดกับห้องของคุณชนาเลยค่ะ” ป้าแม่บ้านรายงานความเรียบร้อยกับเจ้านาย
หลังจากที่เธอได้รับคำสั่งจากเขาว่าให้จัดห้องรับรองพยาบาลพิเศษที่จะมาดูแลหลังจากที่ชนาลูกชายคนเล็กของบ้านจะกลับมาพักฟื้น
ในตอนแรกแม่บ้านก็คิดแค่ว่าพยาบาลพิเศษคงไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว แต่พอเห็นดารินเข้าก็รู้สึกผิดคาดขึ้นมาทันที
เธอสวยและบุคลิกภาพดีราวกับเป็นลูกผู้ลากมากดี
หรัณย์ที่เป็นเจ้าบ้านเดินนำพยาบาลสาวเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่
ภายในตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์ไม้สักของตกทอดจากบรรพบุรุษ
ในตอนนี้บ้านดูเงียบเหงาเพราะคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายยังไม่ได้กลับจากต่างจังหวัด ภายในบ้านจึงเหลือเพียงคนทำสวน
คนขับรถ แม่บ้าน เขา และสมาชิกใหม่อย่างดาริน
“เดี๋ยวป้าพาไปที่ห้องพักค่ะ”
“ค่ะป้า”
ดารินตอบแม่บ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอเดินเข้าไปยื่นมือขอกระเป๋าเป้ของตัวเองกับหรัณย์ที่ถือเอาไว้ตั้งแต่ลงจากรถ
เขายื่นกระเป๋าเป้ให้เธออย่างว่าง่าย ส่วนตัวเขาเองก็ยืนรอรถพยาบาลที่อีกไม่กี่นาทีก็จะมาถึง
ในที่สุดชนาก็จะได้กลับมาอยู่ที่บ้านสักที…
พอเห็นว่ารถพยาบาลขับมาจอดที่หน้าบ้านหรัณย์จึงรีบออกไปเปิดประตูให้ด้วยตัวเอง
เมื่อรถเข้ามาจอดภายในบ้าน ทั้งคนของโรงพยาบาลและตัวเขาเองก็ช่วยกันเคลื่อนย้ายคนป่วยด้วยความระมัดระวัง
เพราะห้องของชนาอยู่ชั้นสองจึงค่อนข้างที่จะลำบากในการเคลื่อนย้าย
แต่ด้วยความช่วยเหลือของทุกคนชนาก็ถูกพามานอนอยู่บนเตียงประจำของเขาได้อย่างปลอดภัย
“ขอบคุณนะครับ”
หรัณย์ยกมือไหว้ขอบคุณบุรุษพยาบาลอย่างไม่ถือตัว
ซึ่งอีกฝ่ายก็ไหว้เขาตอบแล้วจึงขับรถพยาบาลกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อ
“คุณหรัณย์ไปพักก่อนก็ได้ค่ะ
เดี๋ยวฉันจะดูแลชนาให้เอง” พยาบาลสาวบอกเจ้าของบ้านด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่กลับมาเขาก็ยังไม่ได้นั่งพักเลยสักครั้ง
“ครับ ผมฝากดูแลชนาด้วยนะครับ” ถึงจะรู้ว่าเขาจ้างดารินมาเป็นพยาบาลพิเศษ
ถึงจะรู้ว่าเธอดูแลคนป่วยได้เพราะว่าร่ำเรียนมา
แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่อาจจะวางใจใครได้ เพราะถ้าหากพลาดเพียงวินาทีเดียว นั่นคือชีวิตของน้องชายของเขา
“ไม่ต้องห่วงค่ะ
ฉันจะดูแลเขาอย่างดี”
ดารินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อสร้างความมั่นใจว่าเธอไม่ได้ดูแลคนป่วยในฐานะพยาบาลพิเศษที่ถูกจ้างมา
แต่เธอดูแลชนาในฐานะเพื่อนที่รักเขามากที่สุด
หรัณย์ยิ้มแทนคำขอบคุณให้ดาริน
ก่อนที่เขาจะพาตัวเองกลับมายังห้องนอนที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายวัน
ร่างสูงปล่อยตัวเองลงกับเตียงนุ่ม
ไม่ถึงห้านาทีเขาก็เผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยที่สะสมมานาน
“ได้กลับมาอยู่บ้านแล้วนะ
ทำไมแกไม่เคยบอกฉันเลยว่าบ้านแกรวยขนาดนี้” ดารินเอ่ยกับร่างไร้สติของเพื่อนรัก
เธอลากเก้าอี้ไม้เข้ามาใกล้กับเตียงใหญ่ แล้วมองสำรวจสายระโยงระยางที่คอยช่วยยื้อชีวิตของเพื่อนรัก
วินาทีต่อมาลมพัดผ่านหน้าต่างห้องนอนอย่างแรง
จนผ้าม่านปลิวไสวทั้งที่ตอนแรกแม้แต่ใบไม้ก็ไม่ขยับ
เป็นผลให้ของบางอย่างหล่นลงมาจากบนตู้ ดารินรีบลุกไปปิดหน้าต่างทั้งสองบานเอาไว้
แล้วเดินกลับมายังของที่หล่นแน่นิ่งอยู่บนพื้น หญิงสาวก้มลงมองอัลบั้มรูปนั้นด้วยความประหลาดใจ
มือเล็กหยิบอัลบั้มขึ้นมาถือเอาไว้พลางหันไปมองดวงตาที่ปิดสนิทของเพื่อนรัก
เธออดสงสัยไม่ได้ว่าการที่อัลบั้มนี้ตกลงมามันเป็นเพราะความบังเอิญหรือเป็นเพราะเขาตั้งใจที่จะให้เธอเห็น
หน้าปกของอัลบั้มมันเขียนว่า ‘Friend’
ดารินถือวิสาสะเปิดดูรูปถ่ายภายในอัลบั้มอย่างช้าๆ
รูปถ่ายใบนี้มันมาจากตอนที่ชนาซื้อกล้องตัวใหม่
และเขาก็พกมันติดตัวตลอดตั้งแต่ตอนปี1 เธอรู้ว่าเขาชอบถ่ายรูปนู่นรูปนี่ไปตามประสา และเจ้าตัวก็ชอบบอกว่าอยากลองฝึกถ่ายโดยที่ให้เธอเป็นแบบ
ดารินก็ยอมเป็นแบบถ่ายให้เพราะชนาบอกเสมอว่าถ่ายไปแล้วก็จะลบทิ้ง
แต่สิ่งที่เธอได้เห็นมันไม่ตรงกับสิ่งที่เขาได้เคยพูดเอาไว้สักนิด
แม้แต่รูปที่ถ่ายพลาดจนเบลอเขาก็เก็บมันเอาไว้ ทุกรูปถูกถ่ายในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือทุกๆ รูปถ่ายมีดารินอยู่ทุกใบ
ดารินเปิดอัลบั้มภาพจนถึงรูปสุดท้ายที่เป็นรูปคู่ล่าสุดในงานรับปริญญา
ชนากอดเธอเอาไว้ในขณะที่เธอทำหน้าดุใส่เขา