ตอน...หงุดหงิดตรงหัวใจ
![]() |
|
ผลั๊ว!!!!
เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังสนั่นตามแรงอารมณ์ของผู้เปิด
ถึงแม้จะดูเหมือนมันมอดดับลงไปจนเกือบเป็นอารมณ์ปกติแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงพอหลงเหลือเป็นไอขุ่นๆอยู่บ้าง
เพราะอุปกรณ์ภายในห้องน้ำนั้นไม่เหลือพอจะให้น่านพยัคฆ์ใช้ขว้างปาทำลายอีกแม้แต่ชิ้นเดียว...
เมื่อชายหนุ่มสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้พอสมควร
เขาจึงพาร่างอันใหญ่โตของตัวเองก้าวเดินออกมาจากภายในห้องน้ำด้วยใบหน้ากึ่งๆสำนึกผิด
แต่ก็ยังคิดหนักไม่หาย เพราะไม่รู้จะเริ่มง้อเมียตัวหอมยังไงก่อนดี...
นี่ถ้าไอ้มืดมันมาเห็นเขาตอนนี้เข้า
เขาก็ยังไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงส่วนไหนของร่างกายมันถึงจะดูไม่น่าสมเพช
เพราะตั้งแต่จำความได้ ไอ้คำว่าสำนึกผิดจนใบหน้าจ๋อยสนิท
ไม่เคยปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขาเลยแม้สักครั้งในชีวิต สิ่งที่เขาได้ตัดสินใจและลงมือทำนั้น
มันต้องถูกต้องเสมอ...
เขาก็พอจะรู้ตัวอยู่บ้างว่าผิด
ที่ปล่อยให้อารมณ์โกรธผสมกับอารมณ์ปรารถนาอยู่เหนือความถูกต้อง
แต่เขาก็โยนความผิดกึ่งหนึ่งให้เป็นความผิดของนิดาด้วยเช่นกัน
ก็ใครใช้ให้เธออยากเกิดมาตัวหอมจนน่าฟัดน่ากินไปเสียทั้งร่างแบบนี่ล่ะ
เขามันก็ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งแถมยังอดอยากปากแห้งมานาน พอได้มาเจอของถูกลิ้นถูกปาก
ใครมันจะไปอดใจไหวได้ ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้อีกสักกี่ครั้ง
เขาก็ยังยืนยันที่จะทำสิ่งนั้นกับหญิงสาวอยู่ดี และจะทำไปตลอดทั้งชีวิตนี้ด้วย...
แต่ทว่านิดาคงต้องเสียใจมากแน่ๆ ที่โดนเขารังแกข่มแหงน้ำใจเอา
เขาเห็นเธอร้องไห้คร่ำครวญปานแทบจะขาดใจเสียให้ได้
ใจเขาก็เลยยิ่งเจ็บไปกับหญิงสาวด้วยเลยทีนี้
แต่คนที่เกิดมาไม่เคยงอนง้อใครเลยสักครั้งเดียว
เลยทำได้เพียงย้ายตัวเองออกไปให้พ้นๆกับร่างงาม เขาต้องขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ
ขว้างปาข้าวของเพื่อดับอารมณ์ พอมันสงบลง เขาก็รีบออกมาหาหญิงสาวนี่แหละ...
ไม่ใช่เขาไม่อยากเอ่ยคำขอโทษออกไปหรอกนะ
แต่ไอ้ปากไม่รักดีมักก็ช่างหนักนัก
มันไม่กล้าแม้จะเอ่ยคำปลอบโยนใดๆออกไปเลยด้วยซ้ำ ถึงสมองกับหัวใจมันจะสั่งให้เขาเอ่ยคำพูดออกไป
แต่ปากเจ้ากรรมมันดันไม่ทำตาม บวกกับนิสัยไม่เคยอ่อนให้ใครมาก่อน
มันเลยรู้สึกกระดากอาย อีกอย่างเขากลัวนิดาจะไม่ยอมยกโทษให้
จนเขาเผลอทำร้ายเธอขึ้นมาอีกครั้งนะสิ คราวนี่ล่ะนิดาคงได้โกรธเขาจนวันตายแน่เลย...
แต่พอเขาเปิดประตูห้องน้ำออกมา
บนเตียงกว้างสีขาวกับไร้ร่างหอมที่เขาทั้งรักทั้งหวงแหนนอนอยู่บนนั้น เสียแล้ว...
เฮ้ย!!!เมียเขาหายไปไหนวะ...
พอไม่เห็นเมียตัวเองนอนพักอยู่บนเตียง
ใจของน่านพยัคฆ์เลยหล่นวูบลงไปกองอยู่บนพื้นห้องโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ด้วยรู้ว่าตัวเองนั้นทำผิดอย่างร้ายแรงกับนิดาเอามากแค่ไหน
นี่เธอคงไม่ได้หนีเขาไปไหนหรอกนะ หรือว่า..
“นิดา!!!” น่านพยัคฆ์ร้องเรียกเสียงสั่น เขารู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ทั้งร้อนรนทั้งเป็นห่วง กลัวเธอจะคิดสั่นเหมือนคราวหนก่อนที่เขารังแกเธอ
บุญเท่าไหร่แล้ววันนั้น ที่วรสิทธิ์กับน้ำฟ้าเข้าไปห้ามไว้ได้ทัน ไม่อย่างงั้นเขาจะไม่ยอมให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิตเลย...
เมื่อใจประหวันหวนคิดถึงเรื่องราววันนั้นขึ้นมา
สองเท้าของน่านพยัคฆ์จึงรีบก้าวด้วยความรวดเร็ว จนแทบจะเป็นกระโจนไปทั่วทั้งห้อง
ปากก็พร่ำเรียกชื่อของหญิงสาวโหวกเหวก จนมืดกับสายบัวต้องรีบวิ่งขึ้นมาดู เพราะนี้ก็เลยเวลาอาหารเช้ามานานมาก
เหตุใด เจ้านายทั้งสองถึงยังไม่ยอมลงมากันสักที...
น่านพยัคฆ์เดินสำรวจรอบๆบริเวณทั้งในและนอกห้อง
โดยไม่ลืมสำรวจในตู้เสื้อผ้า
แต่ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิมไม่มีแหว่งหายสักชิ้นเดียว แต่คงไม่แปลกอะไร
เพราะเสื้อผ้าทุกชิ้นเหล่านี้ ไม่ใช่เสื้อผ้าที่นิดานำติดกระเป๋ามาด้วยสักตัว
แต่เป็นเสื้อผ้าที่เขาแอบซื้อมาให้เธอต่างหาก
ชายหนุ่มชะโงกหน้าตรงบานหน้าต่าง
กวาดตามองไปทั่วบริเวณด้านล่าง เพียงหวังจะได้เห็นร่างงามเดินอยู่ด้านล่างก็ยังดี
แต่ก็ดูเหมือนยังไร้วี่แววของแม่เมียร่างหอมของตัวเองเช่นเคย น่านพยัคฆ์รู้สึกอยากจะฆ่าตัวเองทิ้งจริงๆหากทำได้
เพราะเขาคนเดียวแท้ๆ...ถึงทำให้นิดาหนีเตลิดไปแบบนี้
เธอหนีฉันไปแล้วจริงๆหรือนิดา...น่านพยัคฆ์ทอดสายตาเจ็บปวดกวาดตามองรอบนอกด้วยความหวังจะได้เห็นร่างน้อยเดินอยู่ที่ไหนสักแห่ง...
“นาย!!!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นฮะ...” เมื่อมืดวิ่งขึ้นมาด้านบน ก็ตรงดิ่งมายังต้นเสียงที่ดังลั่นไปทั่วทั้งบ้าน
นี่เจ้านายของเขาอาละวาดอะไรขึ้นมาอีกแล้ววะเนี่ย...
“นายพยัคฆ์คะ
แล้วนายหญิงล่ะคะ สายบัวรออยู่ข้างล่างตั้งนานยังไม่เห็นนายหญิงเธอลงไปด้านล่างเลย
หรือว่ายังอาบน้ำอยู่...” สายบัวที่วิ่งตามมืดมาที่หลังเอ่ยถามเช่นกัน
แต่เมื่อเดินเข้ามาด้านในห้องนอนของเจ้านาย ทั้งสองถึงกับเบิกตากว้าง
ดูจากสภาพก็พอจะเดาอะไรๆได้ไม่อยาก
เอาอีกแล้วเจ้านายของไอ้มืด
นี่คงได้รังแกอะไรนางฟ้าของมันอีกแล้วเป็นแน่
สภาพทั้งห้องทั้งคนถึงได้ดูยุ่งเหยิงย่ำแย่ไม่ต่างกัน...
“เมียกูหาย...”
น่านพยัคฆ์สบทเสียงดัง
แววตาหม่นแสงลงด้วยความเศร้าเสียใจในการกระทำของตนเอง
“ฮะ!!!นายว่าอะไรนะ
นายหญิงหาย?...” มืดอุทานเสียงสูงออกมา
“ก็เออนะสิ...มึงไปเกณฑ์คนงานมาสักสิบคน
กูขอด่วนด้วยนะ ให้ไปรอกูอยู่ตรงแปลงดอกกุหลาบ กูจะไปรออยู่ตรงนั้น เผื่อเมียกูเดินไปตรงแปลงกุหลาบ...”
น่านพยัคฆ์หันขวับมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง มืดเห็นแล้วถึงกับขนลุกซู่
รีบพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะวิ่งโดยไม่ลืมฉวยแขนของสายบัวติดมือลงไปด้วย...
******************
เช้านี้นายใหญ่แห่งไร่ราชพยัคฆ์
สั่งให้นางพยาบาลส่วนตัวเข็นรถออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงแถวบริเวณแปลงสวนกุหลาบ
เมื่อน่านสิงห์แอบได้ยินสายใจแม่บ้านใหญ่พูดคุยกับลูกสาว
ถึงไอ้ลูกชายตัวดีของเขามันถึงกับลงมือถางดินลงแปลงกุหลาบไว้ต้อนรับผู้หญิงจากกรุงเทพๆด้วยตัวของมันเอง
ใจเขานี่ถึงกับพองโตขึ้นมาจนคับอกแน่นไปหมด
อุตส่าห์ลงทุนร่างสัญญาน้ำเน่าขึ้นมาใช้บังคับลูกหนี้รายสำคัญ ซึ่งเป็นถึงเพือนเก่าเพื่อนแก่กันมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ
ให้ยกหลานสาวให้มาเป็นสะใภ้ของเขา
เพราะเด็กสาวที่เขาเล็งเอาไว้แต่แรกเห็นให้มาเป็นลูกสะใภ้นั้น เป็นลูกสาวอดีตคนรักเก่าของเขาเอง
เขากับนาตยาคบหาดูใจกันมาหลายปี จึงรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี
แต่เพราะความเจ้าชู้ของเขา จึงทำให้นาตยาขอเลิกและไปแต่งงานกับตรีภพแทน
นิสัยลูกกับแม่คงจะไม่ต่างกันมาก
และก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิดเสียด้วย
เมื่อนักสืบที่เขาจ้างไปให้สืบเกี่ยวกับตัวของนิดา
ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวมาให้เขาได้ดู
แวบแรกเขารู้สึกสงสารเด็กสาวอาภัพคนนี้จับหัวใจ
จึงได้เรียกตัวไอ้ลูกชายตัวดีเพื่อบอกความต้องการ และก็ไม่ผิดอย่างที่คิดเอาไว้เลย
มันอาละวาดเสียบ้านเกือบพัง...
เฮ้อ!...เห็นแบบนี้แล้ว
เขาก็โล่งอกไปที ไม่คิดว่าแผนลวงเสือออกจากถ้ำจะได้ผลเกินคาด
“เอ๊ะ! คุณลุงสิงห์คะ
นั่นผู้หญิงจากที่ไหนมาเดินร้องไห้อยู่ตรงนั่นล่ะคะ...” โฉมฉายนางพยาบาลกิตติมศักดิ์
ชี้มือไปยังทิศทางด้านหน้าของไร่
ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อระหว่างแปลงกุหลาบกับทางไปห้องครัวใหญ่
น่านสิงห์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นต้องหันหน้ากลับไปมองตามนิ้วที่นางพยาบาลส่วนตัวชี้บอก...
“เอ...นั่นสิ
ลุงก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเหมือนกัน หรือจะเป็นคนงานในไร่ก็ไม่รู้
แล้วแม่หนูนั่นร้องไห้ทำไม...” น่านสิงห์หยีตามองเพราะหญิงสาวที่เห็นไกลๆนั้น
ยังเดินอยู่ห่างไกลจากสายตาของตัวเองอยู่มากโข เลยไม่รู้แน่ชัดว่าผู้หญิงคนนั้น
แท้ที่จริงแล้วเป็นลูกสะใภ้ขัดดอกของตัวเองแท้ๆ
“งั้นลุงวานให้หนูโฉมไปเรียกเด็กคนนั้นมาหาลุงทีสิ ทำไมถึงได้เดินร้องไห้มาแบบนั้น
ใครในไร่นี้ไปทำอะไรให้หรือเปล่า...”
“ได้ค่ะคุณลุง...”
โฉมฉายรับคำ ถึงแม้จะไม่อยากลดตัวลงไปสนทนาปราศรัยกับพวกคนงานกระจอกๆในไร่นี้สักเท่าไหร่
แต่เพราะเป็นคำสั่งจากว่าที่บิดาของคนที่เธอหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ เลยไมอาจขัดคำสั่งได้
โฉมฉายเลยจำใจต้องเดินไปเรียกให้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย
น่านสิงห์เห็นแล้วก็ทำเฉย
ชินเสียแล้วกับนิสัยของแม่พยาบาลสาวผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับหมอประจำตัวของเขา
และยังเป็นเพื่อนกับน่านพยัคฆ์อีกด้วย
ถึงจะไม่ใช่เพื่อนสนิทแต่ก็คุ้นหน้ากันมาช้านาน
ทั้งรุ่นเขาจวบจนมากระทั่งรุ่นของน่านพยัคฆ์เอง...
“นี่เธอ...” นิดาที่กำลังเดินก้มหน้าก้มตาร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ต้องรีบยกมือปาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเธอได้ยินเสียงเหมือนคนเรียกอยู่ทางด้านหลัง
“คะ?...” นิดาขานรับ ก่อนจะเงยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมอง
ก็พบกับหญิงสาวแต่งตัวดีคนหนึ่งยืนหน้าบอกบุญไม่รับเรียกเธออยู่
“มายืนเซ่อทำอะไรอยู่แถวนี้ล่ะยะ
ไม่รู้หรือไงตรงนี้มันเขตหวงห้าม พี่พยัคฆ์ไม่อนุญาตให้คนงานกระจอกๆในไร่เข้ามาเดินเพ่นพ่านแถวๆบริเวณนี้...”
เมื่อโฉมฉายได้เห็นใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวตรงหน้าชัดเจน
ต่อมอิจฉาในความงามก็ประทุขึ้น เธอรู้สึกไม่ถูกชะตา
กลัวน่านพยัคฆ์จะมาเห็นและหลงในความสวยของแม่ผู้หญิงคนนี้เข้า เธอไม่ยอมแน่ๆ...
“คือ...ฉันไม่ทราบมาก่อนค่ะ
พึ่งจะเข้ามาอยู่ใหม่ และกำลังจะไปแล้วด้วย...” นิดาเอ่ยบอกเสียงเศร้า
เธอกำลังเดินตามหาสายบัว เพื่อจะขอกระเป๋าของตัวเองคืน
เลยคิดจะเดินไปทางโรงครัวใหญ่ อาจจะเจอกับสายบัวที่นั้น แล้วค่อยหาหนทาง
จะไปทางไหนต่อดี
“อย่างงั้นเหรอ...อืม...นั้นก็ดีแล้วล่ะ
จะไปไหนก็รีบๆไปๆซะ แล้วอย่าริขโมยหรือหยิบฉวยอะไรในไร่นี้ติดมือออกไป ไม่งั้นเธอจะโดนทำโทษหนักแน่ๆ เพราะพี่พยัคฆ์ไม่ชอบพวกมือไว้ใจเร็ว
ฉันจะเตือนเธอไว้ให้ ในฐานะคนสนิทของพี่พยัคฆ์เจ้าของไร่ ราชพยัคฆ์แห่งนี้...”
เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวกำลังจะไปจากไร่แห่งนี้แล้ว
โฉมฉายก็แสยะยิ้มออกมาอย่างโล่งอกโล่งใจไปที
แต่ก็ไม่วายพูดจาข่มขู่วางอำนาจตนออกไปอย่างดูถูกดูแคลนนิดา...
นิดาไม่ชอบใจกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า
แต่ก็เพราะตัวเองจะไปจากไร่แห่งนี้แล้ว เธอจึงไม่อยากสนใจ
“ฉันไม่คิดจะขโมยของใคร...”
พูดจบนิดาก็เตรียมหันหลังจะเดินออกไป
รู้สึกไม่ชอบสายตาของผู้หญิงคนนี้ยามใช้มองมาที่เธอเลย
“เดี๋ยวก่อนสิ...”
โฉมฉายร้องเรียก เมื่อนิดากำลังจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง
“อะไรอีกคะ...”
นิดาชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“คุณลุงสิงห์ท่านให้ฉันมาตามเธอ
ไปหาท่านก่อนแล้วจะไปไหนก็ไป...” แววตาซึ่งถูกแต่งแต้มมาอย่างปราณีตตวัดมองอย่างดูแคลน
ถึงจะรู้สึกขัดใจและอยากให้ผู้หญิงตรงหน้าออกไปให้พ้นๆไร่นี้เร็วๆ
แต่เพราะได้รับคำสั่งมา เธอจึงเลี่ยงไม่ได้
นิดาเอี้ยวตัวไปมองยังทิศทางด้านหลังของโฉมฉาย
เธอก็พบกับชายวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น ท่านปรายตามองมาทางเธอ
นิดาไม่อยากเสียมารยาทจึงเดินตามหลังของโฉมฉายไป
และเมื่อนิดาเดินมาถึงตรงหน้านายใหญ่เจ้าของไร่ราชพยัคฆ์
หญิงสาวจึงยกมือขึ้นประนมไหว้อย่างอ่อนช้อย น่านสิงห์ระบายยิ้มอบอุ่นไปให้
สายตาของคนแก่แอบสำรวจร่างงามตรงหน้า หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งพับเพียบบนพื้นหญ้าข้างๆกับรถเข็น
“นี่ใช่หนูนิหรือเปล่าฮึ...”
เมื่อร่างงามนั่งพับเพียบเรียบร้อย
น่านสิงห์จึงเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้
ถึงจะรู้แน่ชัดในคำตอบอยู่แล้ว เพราะเด็กสาวตรงหน้าเขา
รูปร่างหน้าตาแม้แต่ผิวพรรณช่างเหมือนกับอดีตคนรักเก่าของเขาไม่ผิดเพี้ยนไปจากที่เคยได้คุ้นเคยกันมาก่อน
ดูเหมือนจะถอดพิมพ์เดียวกันมาเลยด้วยซ้ำไป
นิดาเงยหน้าขึ้นมองชายบนรถเข็นด้วยแววตาสงสัย
ท่านน่านสิงห์รู้จักชื่อของเธอได้ยังไงกัน
หรืออาจจะเป็นเพราะน่านพยัคฆ์นายจ้างของเธอได้บอกกับท่านเอาไว้แล้วก็อาจเป็นได้...
“ค่ะ...หนูชื่อนิดาค่ะ
คุณน่านพยัคฆ์จ้างให้มาเป็นผู้ช่วยพยาบาลท่าน”
“เอ๊ะ!
ทำไมพี่พยัคฆ์ไม่เห็นบอกกับโฉมว่าจะจ้างผู้ช่วยมาช่วยโฉมดูแลคุณลุงเลยล่ะคะ
นี่ถ้าโฉมรู้ก่อน จะบอกว่าไม่ต้องหามาหรอกคะผู้ชงผู้ช่วยอะไรเนี่ย
เพราะโฉมไม่ได้เหนื่อยอะไรเลยสักนิด...” เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวคนนี้ได้ถูกน่านพยัคฆ์ว่าจ้างให้มาเป็นผู้ช่วยของตัวเอง
ก็อดจะเข้าข้างตัวเองไม่ได้
นี่น่านพยัคฆ์คงกลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไปในการดูแลบิดาของเขาแน่ๆเลย
ถึงได้จ้างผู้ช่วยมาคอยช่วยเธออีกแรงหนึ่ง...
น่านสิงห์ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อในใจท่านคิด โฉมฉายจะเหนื่อยได้ยังไง ในเมื่อวันๆนึง
เอาแต่วิ่งคอยตามลูกชายของตนเสียมากกว่าจะมาคอยดูแลคนขาพิการเช่นตนเองไม่...
“พี่พยัคฆ์นี่น่ารักจังเลยนะคะคุณลุงสิงห์
ดูสิ คงจะเป็นห่วง กลัวโฉมจะเหนือยแน่ๆเลย...” โฉมฉายจีบปากจีบคอพูด
ริมฝีปากสดยิ้มพราย น่านสิงห์ไม่อยากขัด เลยปล่อยให้หญิงสาวคิดเองเออเองไปคนเดียว
“หนูต้องกราบขออภัยด้วยค่ะท่าน
คือว่า...เอ่อ...หนูคงไม่ทำงานนี้แล้ว พอดีหนูเอ่อ...มีงานใหม่เข้ามาพอดี...”
นิดาจำใจต้องพูดปฏิเสธงานนี้ไป เธอไม่อาจทนอยู่ในไร่นี้ได้อีกแล้ว
เธอไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้าย คนที่ข่มแหงรังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงไม่มีทางสู้
บาดแผลเก่ายังไม่ตกสะเก็ดดี เขาก็มาสร้างบาดแผลใหม่ให้ฉกรรจ์ยิ่งหนักไปกว่าเดิมอีก
“อ้าวทำไมล่ะหนูนิ
ไหนบอกลุงมาหน่อยสิ ใครทำอะไรหนูนิ ลุงจะไปจัดการมันให้...” น่านสิงห์ใบหน้าขึงขังขึ้นมา
เมื่อฟังว่านิดาจะไม่ทำงานในไร่นี้แล้ว ความจริงเขาก็ไม่ได้ต้องการให้นิดามาทำงานอะไร
ลูกสะใภ้คนเดียวแถมยังตัวเล็กกระจ้อยร่อย เขาเลี้ยงได้สบายมากอยู่แล้ว...
“หรือไอ้พยัคฆ์มันทำอะไรหนู...ฮึ...ไม่ต้องไปกลัวมันนะลูก
ลุงจะตีกระบาลมันเอง ถ้ามันคิดจะทำอะไรหนูขึ้นมา...” นิดารู้สึกตื้นตันใจและอบอุ่นใจ
นายใหญ่ของไร่สุดแสนจะใจดี ไม่ถือเนื้อถือตัวเลยสักนิด แถมยังจะไปเล่นงานลูกชายให้อีกด้วย
แต่คนกระทำไม่ใช่ลูกชายของท่าน แต่เป็นลูกน้องของเขาต่างหาก...
ได้ยินความเอื้ออาทรจากเจ้าของไร่
พลันน้ำตาที่พึ่งหืดแห้งไปหยกๆ ก็กำลังจะเอ่อล้นออกมาจากขอบตาอีกครา เมื่อนึกไปถึงตัวต้นเหตุ
แต่ไม่ใช่น่านพยัคฆ์ลูกชายของท่านหรอกนะ
แต่เป็นลูกน้องคนสนิทของเขาต่างหากล่ะที่เป็นคนรังแกเธอ... นิดาอยากจะเอ่ยปากบอกท่านแบบนั้นออกไป
แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อมีเสียงห้าวดังแทรกเข้ามาเสียก่อน...
“ทำเป็นซ่านะพ่อ
ขาเดินได้แล้วหรือไงถึงจะถือไม้มาตีกระบาลผมได้น่ะ...” เสียงห้วนเข้มดังขึ้น
เรียกให้สายตาทั้งสามคู่หันไปมองยังต้นเสียง สองคู่มองด้วยความดีใจ
แต่อีกคู่กลับมองด้วยความแปลกใจ
นายมืด!!! ใบหน้าหวานก้มลงงุด
เธอรู้สึกอับอายกับสิ่งที่เขากระทำจาบจ้วงกับเธอเหลือเกิน...
“โผล่หน้ามาก็ดีแล้วไอ้ตัวดี
แกไปทำอะไรหนูนิเข้า ถึงได้ร้องไห้ตาบวมมาแบบนี้
พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามรังแกอะไรน้องเด็ดขาด...” น่านสิงห์ขยับรถเข็นหันไปเล่นงานลูกชายคนเดียวด้วยใบหน้าเอือมระอา
ฤทธิ์เดชของไอ้ลูกคนนี้มันช่างมีมากจนเหลือล้น จะโทษใครได้ ก็เพราะเขาไม่ใช่หรือไง
น่านพยัคฆ์ถึงได้มีนิสัยแข็งกระด้างไม่เคยยอมใครและแม้แต่เขาที่เป็นพ่อของมันแท้ๆมันยังไม่เคยยอมฟังสักที
“ผมเปล่าทำอะไรแม่นี่นะ
พ่ออย่ามาหาเรื่องผมสิ ผมขี้เกียจจะทะเลาะด้วยนะวันนี้
พอดีมีเรื่องต้องสะสางจัดการกับคนบางคนเสียก่อน...” น่านพยัคฆ์ปฏิเสธเสียงดัง
ปรายหางตามองแม่เมียเนื้อหอมด้วยความรู้สึกดีใจ อย่างน้อยๆเธอก็ไม่ได้คิดสั้นทำร้ายอะไรตัวเองลงไปอย่างที่เขากลัวแต่แรก
“เธอมาฟ้องอะไรพ่อฉันหึ
นิดา อย่าให้รู้นะว่าคาบอะไรมาฟ้อง ไม่งั้นเธอเจอดีแน่...” ถึงจะฟังดูแข็งกระด้างแต่ในน้ำเสียงนั้นถ้าฟังดีๆมันเจือปนไปด้วยความเอ็นดูเสียมากกว่า
นิดายังคงนั่งเงียบไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมองเขา
ริมฝีปากเนื้ออิ่มขบเม้มเข้าหากันแน่น คนโกหกหลอกลวง เขาชื่อน่านพยัคฆ์
เป็นนายจ้างของเธอ แต่เขาก็ไม่เคยปฏิเสธ เขาไม่ใช่คนที่ชื่อมืด...
เขาเห็นเธอตั้งแต่เดินเลี้ยวมาทางเส้นนี้แล้ว
ขาเขาอยากจะวิ่งมาให้ถึงร่างงามนี้ไว้ๆใจแทบขาด
อยากจะเข้ามาหอมมากอดปลอบใจให้เธอได้คลายเศร้า แต่พอเห็นเธอนั่งอยู่ใกล้ๆกับรถเข็นของตาเฒ่าสิงห์
น่านพยัคฆ์จึงได้แต่คิด ทำอะไรเธอไม่ได้สักอย่าง
ได้แต่ยืนวางฟอร์มทำเป็นไม่สนใจใยดี แต่อกใจมันแทบจะระเบิด
เมื่อใบหน้าแม่เมียเนื้อหอมสะบัดมองไปทางอื่น เธอทำเป็นไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
ทำเหมือนเขาเป็นเพียงอากาศธาตุไปเสียแล้ว...
นิดาเชิดใบหน้างามตั้งขึ้นตรง ทำเป็นไม่สนใจร่างใหญ่
เมื่อเธอพอจะรู้ความจริงอะไรขึ้นมาแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ชื่อมืดอย่างที่เธอเข้าใจ
แต่กับเป็นน่านพยัคฆ์ นายจ้างที่ว่าจ้างเธอมาทำงานในไร่แห่งนี้นั่นเอง...
นิดารู้สึกทั้งเสียหน้าทั้งเจ็บใจ
เขาไม่คิดจะบอกหรือปฏิเสธว่าเขาคือน่านพยัคฆ์ไม่ใช่นายมืด
บวกกับเรื่องเลวร้ายก่อนหน้านี้
จึงทำให้นิดาไม่คิดแม้จะมองใบหน้าของน่านพยัคฆ์ให้เปลืองลูกกระตาเลยแม้เพียงแค่เศษเสี้ยว...
“พี่พยัคฆ์ขา...ทานข้าวกับโฉมนะคะเช้านี้...”
โฉมฉายปรี่เข้าไปเกาะแขนของน่านพยัคฆ์เอาไว้แน่น
อ้อนเสียงอ่อนเสียงหวานชวนชายหนุ่มให้ทานข้าวเช้ากับตัวเองด้วย
น่านพยัคฆ์เหล่มองนิ้วมือของสาวเจ้าที่เกาะลำแขนเขาอย่างถือสิทธิ์เล็กน้อยด้วยความรำคาญ
นี่ถ้าไม่ติดว่าโฉมฉายเป็นน้องของไอ้หมอเพื่อนของเขา
ป่านนี้เขาได้ไล่แม่นี้ออกไปจากไร่นี้นานแล้ว ผู้หญิงอะไรหน้าไม่มียาง
ชอบมาอ๋อยเขาได้ทุกวี่ทุกวัน...
“ไม่ล่ะวันนี้พี่ไม่ว่าง
ต้องขอตัวก่อนก็แล้วกันนะ พอดีพี่มีธุระสำคัญจะคุยกับลูกจ้างคนสำคัญมากเสียด้วย...”
ท้ายประโยคน่านพยัคฆ์จงใจสื่อให้คนนั่งพับเพียบบนพื้นหญ้าจมูกแดงตาแดงให้รับรู้
เขามีเรื่องจะพูดด้วย...
นิดาทำเป็นหูทวนลม
ไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเช่นเดิม ถึงแม้ภายในใจจะรู้สึกหงุดหงิดปนๆหมั่นไส้เล็กน้อย
ยามเมื่อเธอเห็นผู้หญิงคนอื่นให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับชายหนุ่มต่อหน้าต่อตา
แตจะหงุดหงิดไปทำไม เขากับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย
เขาจะสนิทกับใครมันก็เป็นเรื่องของเขา...
“หว่า...น่าเสียดายจังเลยค่ะ
โฉมว่าจะเข้าครัวทำอาหารเช้าให้คุณลุงทานอยู่พอดีเลย
กะจะทำของโปรดของพี่พยัคฆ์เผื่อด้วยนะคะเนี่ย...” โฉมฉายหน้าจ๋อยลง
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกน่านพยัคฆ์ปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้า
แต่ยากๆแบบนี้แหละที่เธอชอบ เธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆอย่างเด็ดขาด
ไม่มีอะไรที่เธอต้องการแล้วจะไม่ได้ รวมถึงน่านพยัคฆ์ชายหนุ่มที่มีความฮอทระดับต้นๆของเมืองนี้ด้วย...
“แกมีอะไรจะคุยกับหนูนิเขา
ก็คุยต่อหน้าพ่อนี่ล่ะ พ่อจะได้ฟังด้วย ว่าแต่ ทำไมถึงไม่ให้หนูนิมานอนบ้านพ่อ
ไหนแกบอกว่ารับน้องมาดูแลพ่อไง...” น่านสิงห์ตวาดถาม
เขาไม่ค่อยไว้ใจไอ้ลูกชายตัวดีสักเท่าไหร่
มันต้องทำอะไรไม่ดีกับนิดาสักอย่างเอาไว้แน่ๆ
ไม่อย่างงั้นมีหรือนิดาจะเดินร้องไห้แล้วบอกจะไม่ทำงานที่นี้ต่ออีกแล้ว
“เรื่องส่วนตัว
พ่อจะรู้ไปทำไม ก็ยกให้แล้วไม่ใช่ไงล่ะ ผมถือว่าเขาเป็นของๆผม พ่ออย่ามายุ่งดีกว่า
เรื่องของหนุ่มสาว แก่แล้วก็อยู่ส่วนแก่ไป เอาไว้ถ้าขาหายแล้วจะพาไปเที่ยวนะ...”
น่านพยัคฆ์สวนกลับบิดาเสียงห้วน
ใช้สายตาขู่บังคับไปยังหญิงสาวให้ลุกขึ้นมายืนข้างๆเขา
ไม่ใช่ไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่แทบเท้าของพ่อเขาแบบนั้น
“บะไอ้นี่! ถึงให้แล้วก็เอาคืนได้
ถ้าหากพ่อรู้ว่าแกทำไม่ดีกับเขา รับรองพ่อจะเอาคืนแล้วจะไม่ให้อีกเลย...”
“เรื่องอะไรล่ะ
ผมไม่ยอมเด็ดขาด ของๆผมก็ต้องเป็นของผมอยู่วันยังค่ำ
ต่อให้พ่อเอาเขาไปซ้อนไว้ตรงมุมไหนของโลก
เชื่อเหอะ...ยังไงผมก็ต้องหาเขาจนเจอนั่นแหละ พ่ออย่าคิดทำให้เสียเวลาเลยดีกว่า...”
นิดาฟังไม่เข้าใจหรอกว่าสองพ่อลูกนี่เขาพูดถึงอะไรกัน
เลยได้แต่นั่งก้มหน้า เพื่อรอโอกาสจะบอกลากับเจ้าของไร่
“วันนี้พ่ออยากให้หนูนิดูแล
แกจะไปไหนก็ไปไป๋” น่านสิงห์ตัดบทเพราะไม่อยากทะเลาะกับเจ้าตัวร้ายต่อหน้านิดาตอนนี้
“ไปหนูนิ
พาลุงไปกินข้าวเช้าหน่อย ลุงหิวแล้วล่ะ วันนี้ไม่รู้สายใจเขาทำอะไรให้ลุงกิน แต่กลิ่นนี่หอมคลุ้งไปทั่วบ้านเชียวนะ...”
น่านสิงห์หันหน้ามาชวนว่าที่ลูกสะใภ้ เมื่อพอจะเข้าใจ
นิดาคงไม่อยากอยู่ใกล้กับไอ้ลูกชายตัวดีของเขาในตอนนี้เท่าไหร่นัก
“ได้ค่ะท่าน...”
นิดาเองก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นทันที เธอไม่อยากอยู่ใกล้ชิดกับคนใจร้าย
แต่จะให้ไปไหนโดยไม่มีเงินติดตัวสักบาทเธอก็ไม่รู้จะไปที่ไหนดี
ทั้งกระเป๋าและของมีค่าไม่รู้น่านพยัคฆ์เก็บของเธอไปไว้ที่ไหน
คงจะเป็นในห้องนอนของเขานั่นแหละ เท่าที่สายบัวบอกกับเธอเมื่อวานนี้...
“ไม่เอา
ไม่ให้ไปกับพ่อ...พ่อก็ไปกินกับโฉมสิ วันนี้หนูนิของพ่อไม่ว่าง
เพราะผมยังไม่อนุญาตให้นิดาเริ่มทำงานวันนี้เสียหน่อย พ่ออย่ามาขัดใจผมได้ไหม
รับรองผมไม่ทำอะไรคนของพ่อหรอกน่าสบายใจได้...” น่านพยัคฆ์ผู้เอาแต่ใจเริ่มออกอาการแผลงฤทธิ์เดชปั้นปึงใส่
ก็เขามีเรื่องมากมายจะคุยเพื่อปรับความเข้าใจกับเมียของเขานี่นา
พ่อนะพ่อจะเอาคานมาสอดทำไมก็ไม่รู้ น่านพยัคฆ์เริ่มหงุดหงิดบิดา
สายตาสีสนิมเบี่ยงมามองยังร่างงามเป็นการขู่บังคับไปในตัว...
แต่นิดาทำเป็นไม่สนใจ
หญิงสาวจะก้าวไปจับรถเข็นของน่านสิงห์ แต่มือใหญ่ก็ไวทายาดกว่า
ฉวยหมับเข้าที่ข้อแขนเล็ก ดึงร่างงามเข้ามากอดไว้เสียดื้อๆ
“ว้าย!!!
ปล่อยนะคนบ้า...” ร่างน้อยดิ้นรนขัดขืน
“ไปก่อนนะพ่อ
เอาไว้พรุ่งนี้จะเข้าไปกินข้าวด้วย...พี่ฝากพ่อด้วยนะโฉม
ขอไปเคลียร์ปัญหากับเมียก่อนก็แล้วกัน...” น่านพยัคฆ์โบกมือลา
ก่อนจะยกร่างนุ่มนิ่มขึ้นพาดบ่า หันหลังเดินลิ่วกลับไปยังบ้านเล็กของตัวเอง
“พี่พยัคฆ์
หมายความว่ายังไงกันคะ!!!...” โฉมฉายเบิกตาโพลงกับสิ่งที่เห็น
ฝ่ามือเรียวทาบลงบนอกซ้าย มันจะมากไปแล้วนะ หญิงสาวขบเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น
ดวงตาสีดำวาวแสงขึ้น
เมื่อสิ่งที่น่านพยัคฆ์กระทำกับนิดาไม่บอกก็พอจะแปลความหมายของมันได้ออก
สองคนนี้ต้องมีอะไรลึกซึ้งต่อกันเรียบร้อยแล้วเป็นแน่แท้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ
แล้วเราจะได้เห็นดีกันหึ...
“เฮ๊ย!
ไอ้ลูกเวรคนนี้นี่ ทำไมมันชอบเอาแต่ใจตัวเองนักวะ...” ส่วนประมุขใหญ่ของไร่ก็ได้แต่ก่นด่าตามหลังบุตรชายไป
อีกไม่นานในไร่นี้คงจะมีแต่เสียงเด็กเล็กๆส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเต็มไปหมดอย่างแน่นอน
ยิ่งเห็นแบบนี้แล้ว คาดว่าคงอีกไม่นานนี่ล่ะ
เขาคงจะได้เป็นคุณปู่สมใจอยากกับเขาสักที...
น่านสิงห์รู้สึกอารมณ์เบิกบานเป็นพิเศษ
อีกหน่อยเขาคงจะได้เป็นคุณปู่ของหลานๆตัวน้อยๆแล้วสินะ
ความฝันของเขาคงใกล้จะเป็นจริงเข้ามาทุกที ยิ่งได้มาเห็นไอ้ลูกใจหินของเขาใช้สายตามองนิดา
ผู้ชายด้วยกันมันดูไม่ยากนักหรอก
เพราะสายตาแบบนี้ตัวเขาเองก็เคยใช้มองม่านฟ้าแม่ของน่านพยัคฆ์มาก่อน...
**********************
ร่างงามหอมกรุ่นกำลังพยายามช่วยเหลือตัวเองอย่างสุดกำลัง
ทั้งมือทั้งเท้าของหญิงสาวใช้ระดมทำร้ายร่างกำยำอย่างไม่คิดกลัวเกรง
แต่ดูเหมือนน่านพยัคฆ์จะไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย
เพราะเธอได้ยินแต่เสียงเขาหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะๆตลอดเส้นทางเดิน
จนนิดาแทบอยากจะหาอะไรแข็งๆมาทุบหัวเขาให้สลบไปได้ยิ่งดี...
“ปล่อยนะ...ฉันบอกให้ปล่อยไงไอ้บ้า
คนนิสัยเสีย นิสัยไม่ดี...อือ...ปล่อยสิ...” น่านพยัคฆ์ได้แต่ระบายยิ้มอย่างพึงใจกับแรงพยศของภรรยาสาวแสนสวย
ชายหนุ่มไม่ได้สะทกสะท้านกับแรงเท่ามดนี้เลย
เขากับชอบใจเสียด้วยซ้ำที่แม่เมียตัวนุ่มนิ่มแถมหอมกรุ่นระบายความโกรธ โมโห
ลงกับร่างกายของเขาแทนที่จะลงกับตัวของเธอเอง...
“ถ้าหนูนิทำแล้วสบายใจก็เชิญตามสบายเลยนะจ๊ะ
พี่พยัคฆ์คนนี้ยอมให้หนูนิกระทำย่ำยีได้ตามใจชอบเลยนะ...”
“ไอ้บ้า...ใครใช่ให้มาเรียกฉันว่าหนูนิกันฮะ.เราไม่ได้สนิทกัน
ห้ามมาเรียกนะ..” ร่างน้อยดิ้นเร้าๆด้วยความโมโห
“ก็อยากเรียก
ห่วงนักหรือไง ดี...ยิ่งห่วงพี่ก็ยิ่งชอบ...หนูนิ...หนูนิๆ” น่านพยัคฆ์พูดชื่อซ้ำๆเป็นการหยอกล้อ
“ปล่อยนะ...”
“ไม่ปล่อย
มีอะไรไหม...เก่งดีนักนั้นก็ดินให้หลุดสิ”
น่านพยัคฆ์ส่งเสียงกลั้วหัวเราะท้าทาย
ส่วนมือใหญ่ก็แกล้งบีบลงบนสะโพกมนด้วยนึกหมั่นเขี้ยวร่างนิ่มๆนี้ยิ่งนัก
ส่วนปลายจมูกโด่งก็กดย้ำลงบนแก้มก้นนุ่มนิ่มสูดเอาความหอมเข้าอัดไว้อย่างเต็มปอด
หากำไรเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยตามนิสัยคนเอาแต่ใจ
“คนเลว...คนบ้า...คนหื่นกาม...” ร่างน้อยต้องสั่นสะท้านไปกับแรงบีบหยอกล้อสลับกับแรงกดลงบนบั้นท้ายกลมกลึงของเธอ
ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก็พอจะเดารู้ เขากำลังลวนลามเธออีกแล้วสินะ...
“ใช่...ไอ้พยัคฆ์คนนี้มันเป็นทุกอย่างที่หนูนิว่านั่นแหละ
ทั้งบ้า ทั้งเลว ทั้งหื่น...อ้อ...และก็หื่นมากๆด้วยนะจะบอกเอาไว้ให้
ต่อไปนี้หนูนิคงลำบากสักหน่อย
ที่บังเอิญได้ไอ้หื่นคนนี้เป็นผ...สระ...อัว...ผัว...ฮ่า...ฮ่า...”
น่านพยัคฆ์ส่งเสียงหัวเราะร่วนออกมาด้วยความชอบใจ
แววตาของชายหนุ่มส่อประกายเจิดจ้าเต็มไปด้วยความสุขสม
ไม่คิดว่าการมีเมียมันดีอย่างนี้นี่เอง
ถึงได้ว่าไอ้พีมันถึงไม่ค่อยจะมีเวลามาสังสรรค์กับเขานัก
ยิ่งช่วงที่เรียกว่าข้าวใหม่ปลามัน เขาก็แทบไม่เห็นหัวมันมาที่ไร่นี้เลย...
“คุณไม่ใช่ผัวฉัน
อย่ามาขี้ตู่เด็ดขาด”
“จะให้พิสูจน์ดูตรงนี่ไหมล่ะ
ว่าใช่หรือไม่ใช่”
“อย่านะ...” นิดารีบร้องห้าม
“โธ่เราก็นึกว่าแน่จริง...แต่ก็...อีกอย่างหนึ่งนะ
พี่พยัคฆ์คนนี้อยากจะบอกเอาไว้อีกสักเรื่องหนึ่ง..."
"อะไรของคุณอีกล่ะ...ฉันบอกให้ปล่อยฉันลงยังไง
หูแตกหรือไงไม่ทราบ..."
"จะบอกว่า...ก้นของหนูนินี่ทั้งนิ่มทั้งน่าจับหน้าขยำเป็นบ้าเลยวะ...” ไม่ใช่แค่ปากพูด
แต่น่านพยัคฆ์ยังทำการสาธิตให้หญิงสาวได้โกรธจนหน้าดำหน้าแดง จนแทบอยากจะร้องกรี๊ดเสียงดังๆใส่หูเขาให้แตกไปข้างหนึ่งเลย
“อ๊าย!...ไอ้คนลามก
ไอ้คนบ้า ไอ้คนผีทะเล...” แรงมีเท่าไหร่นิดาใส่ไม่ยั้ง
ระดมหมัดเล็กๆทุบลงยังกลางหลังเขาเพื่อระบายอารมรณ์ฉุนเฉียว
“ฮ่า...ฮ่า...เอาเลยหนูนิอยากดิ้นก็ดิ้นไปเลย
พี่ชอบ...” น่านพยัคฆ์หัวเราะไปก็เอ่ยคำยั่วยุหญิงสาวไป
เนื่องจากนิดายิ่งดิ้นความนุ่มนิ่มจากอกอวบใหญ่พอดีมือ ก็ยิ่งเสียดสีไปกับแผ่นหลังของเขาตามไปด้วย...
อาจเป็นเพราะเสียงหัวเราะดังลั่น
จึงทำให้บรรดาพวกคนงานที่มืดไปเกณฑ์มาจากในไร่ถึงกับยืนขาแข็ง ตาโต อ้าปากค้างไปตามๆกัน
เมื่อเห็นเจ้านายสุดที่รักของตัวเองหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุขเช่นนี้ได้
นานมากแค่ไหนแล้วนะ ที่พวกคนงานในไร่แทบจะไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะของนายน้อยที่แสดงออกถึงความสุขออกมาเช่นนี้เลย
ส่วนใหญ่ที่เห็นก็มีเพียงใบหน้าจริงจังดุดันในการทำงานเท่านั้น...
“นี่...นี่...นี่...นี่แน่ะ
จะทุบให้น่วมเลย ไอ้บ้า ไอ้คนนิสัยแย่...” สองกำปั้นน้อยทุบลงบนหลังแกร่งเพื่อต้องการระบายความโกรธ
เมื่อการดิ้นรนของเธอมันไม่เป็นผลสำเร็จ
นิดาเลยเลือกระบายออกโดยการใช้กำปั้นน้อยทุบไปยังลำตัวของชายหนุ่มแทน
“แล้วก็อย่ามาเรียกเขาว่าหนูนิด้วยนะ
คุณกับฉันไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย ฉันไม่ให้คุณเรียกว่า หนูนิ...นี่...นี่...” นิดาเหวใส่เสียงเขียว สองมือน้อยยังคงทุบลงแผ่นหลังไม่หยุด
ถึงแม้บางครั้งเมื่อได้ฟังคำสรรพนามเมื่อยามที่เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอ
มันจะทำให้เธอรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาภายในหัวใจอย่างประหลาด แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมรับ ให้เขามาทำเนียนเรียกชื่อเล่นของเธอเสียสนิทสนมคุ้นเคยกันเช่นนี้ เขาพึ่งจะทำให้เธอร้องไห้เสียใจจนไม่อยากอยู่เป็นผู้เป็นคนมาหยกๆ
เธอจะไม่ยอมให้อภัยเขาง่ายๆ เพราะอย่างน้อยๆ
เขาจะต้องโดนบทลงโทษอะไรจากเธอเสียก่อน...
“แน่ะ...พี่เตือนเอาไว้แล้วนะ
ว่าอย่ามาท้าพิสูจน์
แล้วไอ้ที่ทำกันเมื่อเช้ามันยังเรียกว่าไม่สนิทแนบแน่นมากพออีกอย่างงั้นเหรอจ๊ะ
หนูนิจ๋า ตอนนี้พี่ยังพอมีแรงเหลือเฟืออยู่พอดี เรามาทำความรู้จักกันอีกสักทีดีกว่าเผื่อหนูนิจะได้เข้าใจ
ว่าเราสองคนสนิทสนมกันพอจะเรียกชื่อเล่นกันได้หรือยัง...” น่านพยัคฆ์ลอยหน้าลอยตาพูด
ตอกย้ำให้นิดาได้โมโหขึ้นมาอีกหน ใบหน้านวลขึ้นสีแดงก่ำเพราะความโกรธแทบจุกอก
“งั้นเอาอย่างนี้ดีกว่า พอเราสองคนไปถึงในบ้านปุ๊บ
พี่พยัคฆ์จะได้ทำให้เราสองคนแนบแน่นกันมากกว่าเดิมอีก ดีไหมจ๊ะหนูนิจ๋า...”
“ไม่นะ...ฉันจะไม่ยอมคุณอีกแล้ว...ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้เลย
แล้วฉันก็จะไม่ยอมไปทำงานกับคุณด้วย ฉันจะไปจากไร่นี้ แล้วก็จะไปวันนี้ด้วย...” นิดาร้องสั่งเสียงสั่นไหวใบหน้าหวานซีดเผือกลง
เมื่อห้วนนึกไปถึงบทรักของเขา มันทั้งรุนแรงและดุดัน
พลันน้ำตาไม่รักดีก็เกิดไหลรินลงมาอีกเป็นสาย
ถึงจะไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นต่อหน้า แต่ความรู้สึกตอนนี้
มันเกินคำว่าเสียใจจริงๆ...
คนใจร้าย
เธอจะไม่ยอมให้เขามาทำบ้าๆกับเธออีกแล้ว เขามาทำร้ายเธออย่างนี้ทำไม
ทั้งๆที่เธอกับเขาก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้เลยด้วยซ้ำ
เขาจะมาโกรธแค้นเธอด้วยเรื่องอะไรเธอก็ยังนึกไม่ออก
นิดาได้แต่นึกเสียใจไปร้องไห้ไป จนเสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นเรื่อยๆ
ร่างใหญ่ถึงกับหยุดฝีเท้าลง
เมื่อแผ่นหลังของเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากน้ำตาของหญิงสาว
น่านพยัคฆ์รู้สึกชาวาบขึ้นในหัวใจ
เขาจึงปล่อยให้ร่างงามลงยืนกับพื้นก่อนจะดึงร่างหอมนั้นเข้ามาไว้ในวงแขนแข็งแรงของตัวเองทั้งร่าง
กกกอดร่างหอมเอาไว้อย่างแนบแน่นเพื่อเป็นการปลุกปลอบขวัญให้เธอได้คลายความเศร้าลง...
ร่างแน่งน้อยยังคงสะอื้นไห้อยู่ในวงแขนอบอุ่น
ใบหน้าหวานซบลงกับอกแกร่ง โดยมีมือใหญ่ของคนปากเสียคอยลูบไหล่หลังอยู่ไม่ห่างหาย น่านพยัคฆ์ถึงกลับทำตัวไม่ถูก
เขาไม่อยากให้หญิงสาวร้องไห้
แต่ก็ไม่กล้าหลุดคำพูดปลอบใจใดๆออกไป
กลัวปากเสียๆของตัวเองจะยิ่งไปกระตุ้นทำให้นิดาร้องไห้หนักมากขึ้นไปกว่าเก่า...
“ฮือ...ฮือ...ฮือ...” นิดาร้องไห้จนตัวสั่นเทาในอ้อมแขนของน่านพยัคฆ์
หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาโดยไม่คิดจะห้าม
ตอนนี้หัวใจดวงน้อยของเธอมันบอบช้ำกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหลือเกิน ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกในการเสียตัวให้กับชายอื่นก็จริง แต่สิ่งที่น่านพยัคฆ์กระทำกับเธอ
มันก็ไม่ต่างกับเอาน้ำเกลือมาราดรดแผลเก่าให้มันประทุขึ้นมา
จนมันกลายเป็นบาดแผลเหวอะหวะ ไม่รู้ว่าชาตินี้ทั้งชาติบาดแผลนี้จะรักษาหายได้หรือเปล่า...
"หนูนิครับ...คือว่า..."
"ฮือ...ฮือ...ฮือ..." ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงของเขา
นิดาก็ยิ่งสะอึกสะอื้นหนักไปกว่าเดิม เมื่อความคิดของเธอมันได้แต่คอยย้ำเตือน เขาคงเห็นว่าเธอเป็นของใกล้มือ
อยากจะหยิบจับฉวยมาทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้ตามอำเภอใจ เขาคงเห็นเธอหมดทางไป
จึงตกปากรับคำมาทำงานกับเขาง่ายๆ ทั้งที่อยู่ต่างถิ่นฐานบ้านเกิดไกลเสียขนาดนี้
หรือไม่ก็คุณวรสิทธิ์คงได้เล่าเกี่ยวกับตัวเธอให้เขาฟังมาบ้าง
เขาถึงได้คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงริมทาง ไม่มีค่า ไร้ราคา
เอาไว้แก้ขัดยามเขาเหงาหรือต้องการเรื่องอย่างว่าก็ได้...
เขาคงเห็นเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว
จะกระทำย่ำยีต่างๆนาๆยังไงก็ไม่สามารถมาเรียกร้องอะไรจากเขาให้มารำคาญใจที่หลัง
เธอเองก็ไม่ได้หวังจะเรียกร้องอะไรจากเขา ไม่ได้ต้องการให้เขามารับผิดชอบ
เพราะสำนึกในตัวเองดี เธอเป็นใครและเขาเป็นใคร...
“หนูนิ...คือ...เอ่อ...” น่านพยัคฆ์ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะพูดจาหวานๆยังไงกับเขาออกไป
เมื่อร่างบางยังคงสั่นเพราะแรงสะอื้นไม่ยอมหยุด
ส่วนมืดที่เดินมาสมทบกับพวกคนงาน
เมื่อเห็นเจ้านายทั้งสองยืนกอดกันกลม
เขาเลยสั่งให้คนงานต่างแยกย้ายกันกลับไปทำงานต่อ
ไม่อยากให้ใครเสนอหน้าเข้าไปรบกวนเจ้านายทั้งสองตอนนี้ ดูก็รู้ นายพยัคฆ์ของมันกำลังง้องอนนางฟ้าของตัวเองอยู่
แต่ไม่รู้ง้อภาษาอะไร นางฟ้าของมันถึงได้ร้องไห้โฮหนักขึันไปกว่าเดิมอีก...
ฮึ...แล้วเจ้านายสุดที่รักของมันจะง้อสำเร็จไหมเนี่ย
ปากยิ่งเสียๆอยู่ด้วย
มืดส่ายหน้ากับภาพที่เห็นก่อนจะหันหลังเดินตามพวกเพื่อนๆไปทำงานในไร่ต่อไป...
“หนูนิจ๋าหยุดร้องไห้เถอะนะ
ฉัน...เอ่อ...คือว่า...” น่านพยัคฆ์กลืนน้ำลายลงคอฝืดเฝือน
คิดหาคำพูดหวานๆเพื่อจะใช้ปลอบใจหญิงสาวก็นึกไม่ออก ปากมันหนักเหลือเกิน
ก็คนมันไม่เคย ตลอดชีวิตวัยรุ่นจวบจนจะสี่สิบอยู่อีกปีสองปีข้างหน้า
เขาก็ไม่เคยต้องพูดจาหวานๆกับใครมาก่อนเลยสักคน
ส่วนใหญ่ชีวิตเขาก็ขลุกอยู่แต่กับพวกคนงานชายในไร่
ซึ่งก็มีแต่พวกดิบเถื่อนคือกันหมดทั้งนั้น
ไม่เคยได้ถามไถ่เวลาไอ้พวกนั้นมันอ้อนเมีย ง้อเมียมาก่อนเสียด้วย
ก็คนไม่เคยคิดจะมีเมียมาก่อน ใครมันจะไปสนใจถามวะ...
งานนี้สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นงานช้างเลยก็ว่าได้
เฮ้อ!...
“เอ๊ะ!
บอกว่าอย่ามาเรียกฉันว่าหนูนิไง...” นิดาผละร่างงามออกมาจากลำแขนใหญ่
ถึงจะเศร้าเสียใจกับเรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมากขนาดไหน
แต่พอได้ยินเขาเรียกเธออย่างสนิมสนมมันก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้อีก
แววตาฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้ารกแต่ดูหล่อเหลาวาวโรจน์ขึ้น
ปึก.......
“นี่แน่ะ...” กำปั้นน้อยเลยทุบลงบนอกแกร่งเสียงดังปึก น่านพยัคฆ์ถึงกับสะดุ้ง
รีบก้มใบหน้าหล่อเหลาลงมองคนเริ่มพยศ ใจเขายิ่งอ่อนยวบ
นึกเอ็นดูร่างน้อยในอ้อมแขนเขาเหลือเกิน
ยิ่งเวลาจมูกรั้นนั้นสั่นระริกแล้วเขายิ่งนึกเอ็นดูหนักขึ้นไปอีก...
ดูสิร้องไห้จนตาช้ำจมูกแดงไปหมดแล้ว...แทนที่น่านพยัคฆ์จะโกรธ
เขากับรวบมือน้อยขึ้นมาไว้กับอกแกร่งที่ว่างอีกข้าง
ก่อนจะยกกำปั้นน้อยขึ้นมาสำรวจดูด้วยสายตาอ่อนโยน...
“เจ็บมือหรือเปล่าหึ...หนูนิ
ดูสิมือแดงไปหมดแล้ว ไม่เอานะ เลิกทุบพี่ได้แล้ว พี่นะไม่เจ็บหรอก
แต่กลัวมือหนูนิจะเจ็บมากกว่า...” นิดาอ้าปากค้าง
เธอแทบจะลืมลมหายใจของตัวเอง เมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของชายหนุ่ม
อีกทั้งการแสดงออกของเขา ทั้งนุ่มนวลทั้งอบอุ่น
มันช่างแตกต่างจากที่แล้วๆมาโดยสิ้นเชิง
“แค่นี้ฉันไม่เจ็บหรอก
ไม่ต้องมายุ่ง...” เพราะยังโกรธเขาอยู่มาก
นิดาเลยสะบัดทั้งเสียงและใบหน้าใส่ รีบดึงมือของตัวเองออกจากการจับกุมของเขา
แต่น่านพยัคฆ์ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
เพราะเขากลัวนิดาจะทุบเขาเพื่อระบายอารมณ์แล้วจะทำให้กำปั้นน้อยๆนี่ได้รับความเจ็บ
ลำพังตัวเขาแรงเท่ามดอย่างนิดา ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกได้หรอก
เขาห่วงแต่หญิงสาวนี่แหละ ไม่อยากเป็นสาเหตุทำให้เธอเจ็บเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“ฉันจะกลับกรุงเทพฯ
ขอความกรุณาคืนกระเป๋าของฉันมาด้วยค่ะ
สายบัวบอกว่ากระเป๋าของฉันอยู่ในห้องของคุณ...” เมื่อคลายอาการเศร้าลงได้บ้าง
นิดาจึงบอกความต้องการของตัวเอง เธอไม่อยากอยู่ในไร่ที่มีคนใจร้ายอย่างเขา
อยากกลับไปตั้งหลักยังบ้านเกิดของตัวเอง แต่ก็คงไม่กลับไปบ้านวนาสินธ์อีกแล้ว
เพราะที่นั่นไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป...
“ไม่ให้ไป
ยังไงก็ไม่ยอมให้ไปไหน เราเป็นเมียของพี่แล้วนะ จะทิ้งผัวไปอยู่ที่อื่นได้ยังไงกัน
แล้วถ้าเกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไง พี่ไม่ยอมให้ลูกของพี่ไปเรียกคนอื่นว่าพ่ออย่างเด็ดขาด
ถ้าไม่เชื่อจะจับขัง ไม่ให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน จะให้อยู่แต่ในห้องนั่นแหละ
จนกว่าหนูนิจะเปลี่ยนความคิด ไม่ทิ้งผัวไปอยู่ที่อื่น...”
เมื่อน่านพยัคฆ์ได้ยินว่าหญิงสาวจะกลับกรุงเทพฯ
ใจเขาก็ร้อนขึ้นมาดั่งไฟ
เรื่องอะไรจะยอมปล่อยให้เมียตัวเองไปตกระกำลำบากอยู่ที่อื่นได้อีกล่ะ
นิดาเป็นเมียของเขาแล้ว
ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องอยู่กับเขาในไร่แห่งนี้...
“เอ๊ะ!
คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งห้ามไม่ให้ฉันไป ฉันไม่ทำงานกับคุณอีกแล้วไง
แล้วก็ไม่ต้องมาบอกว่าฉันเป็นเมียของคุณด้วย เพราะฉันไม่ยอมรับ...” นิดาขึ้นเสียงไม่ยอมแพ้เขาเช่นกัน สิ่งที่เขาทำกับเธอมันยิ่งกว่าป่าเถื่อน
เขายังมีหน้ามาเรียกร้องสิทธิ์บ้าสิทธ์บออะไรกับเธออีก
“หนูนิไม่รู้จริงๆหรือไง
ว่าฉันสามารถใช้สิทธิ์สั่งห้ามไม่ให้หนูนิไปไหนได้ตั้งมากมาย อาทิเช่น....อืม?...”
ชายหนุ่มทำท่าคุ้นคิด
ส่งสายตาแพรวพราวสื่อให้หญิงสาวรับรู้ว่าเขาจะใช้สิทธิ์อะไรมาใช้สั่งห้ามไม่ให้เธอออกไปจากไร่แห่งนี้
“ฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าคุณมีสิทธิ์อะไรในตัวของฉัน
แต่เท่าที่ฉันรู้ คุณไม่มี และไม่เคยมี...” นิดายังเน้นย้ำคำเดิมหนักแน่น
ใบหน้าหวานเชิดรั้นขึ้นสบตาสู่กับจอมวายร้าย
ชีวิตเป็นของเธอ เขาไม่มีสิทธิ์มาบงการให้เธออยู่หรือไป
บทเรียนชีวิตสอนให้เธอต้องลุกขึ้นสู้ และเขาก็จะเป็นคนแรกที่เธอจะแสดงให้เห็นด้วย
...
“เมียของฉันนี่ปากเก่งขึ้นเยอะเลยนะ...หึ...หรือมันจะถ่ายทอดจากผัวไปสู่เมียได้
ก็น่าจะสนุกดี ผัวก็ปากเสียเมียก็ปากเสีย...” มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นล้อเลียน
น่านพยัคฆ์เองก็ต้องคอยควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้โกรธหรือโมโห
เขาต้องเตือนสติตัวเองเน้นย้ำว่าเรื่องนี้เขาเป็นฝ่ายผิด
และเขากำลังง้อแม่เมียตัวหอมอยู่ ไม่ว่าเธอจะพูดหรือจะต่อว่าเขาแรงสักแค่ไหน
เขาต้องอดทนและต้องยอมเธอ ห้ามไปขัดใจหรือปากเสียใส่เธออีก
ไม่งั้นคืนนี้เขาได้อดนอนกอดร่างนุ่มนิ่มแสนหอมนี้เป็นแน่...
“คนบ้า...ปากไม่ดี
ฉันไม่ใช่เมียของคุณนะ! เมื่อไหร่จะเลิกขี้ตู่สักที ”
“ไม่รู้นะ...แต่บ้านฉัน
เวลาชายหญิงเขาคลุกวงในกันอย่างที่เราทำกันเมื่อเช้าน่ะ
เขาเรียกว่าผัวเมียเขาทำกัน...” เมื่อหลุดคำพูดโต้แย้งออกไป
น่านพยัคฆ์ก็แทบอยากจะตบปากตัวเองให้เจ็บๆนัก
เมื่อเขาเห็นแววตากระต่ายน้อยแสนน่ารักน่าชัง
วาวแสงขึ้นไม่ต่างกับแววตาของแม่เสือดุร้าย
เอ่อ...ก็เขามันเสือเมียเขาก็ต้องเป็นเสือเหมือนกันสินะ
น่านพยัคฆ์ถึงกับหลุดยิ้มขวยเขินกับความคิดของตัวเองขึ้นมาเสียอย่างงั้น...
นิดากัดริมฝีปากของตัวเองด้วยความคับแค้นใจ
เมื่อเธอแปลรอยยิ้มของชายหนุ่มเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย
น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันจะมาไหลประจานความอ่อนแอให้เขาได้เห็นอีก เธอจึงสูดลมหายใจเข้า
สะกัดกลั้นไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาให้เขาได้นึกสมเพช เธอมันก็แค่ดอกหญ้าแสนจะธรรมดา
ส่วนเขานะมันเจ้าป่า มีหรือที่เขาคิดจะมายกย่องเธอแบบจริงจัง
อย่างดีเธอก็เป็นได้แค่เมียลับๆของเขาเพียงเท่านั้นแหละ
ถึงเธอจะตัวคนเดียวหมดหนทางไป แต่ถ้าจะให้เธอเลือกไปเป็นเมียน้อยเมียเก็บใคร
เธอไม่มีทางยอมเด็ดขาด...
ใบหน้าน้อยจึงเชิดขึ้นอย่างทะนงในตัวเอง...
“ ฉันจะบอกคุณเอาไว้ตรงนี้เลยแล้วกันนะคะ...ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะความมักง่ายของคุณ
มันไม่ได้มีค่าหรือความหมายอะไรกับฉันเลยแม้แต่น้อย
หรือถ้าคุณพอจะช่ำชองเรื่องทำนองนี้อยู่บ้าง คุณก็หน้าจะรู้
คุณไม่ใช่คนแรกของฉัน...” เมื่อนึกถึงเรื่องเลวร้ายในวันนั้นน้ำเสียงที่เปล่งออกมาถึงกับสั่นเครือ
“ และฉันจะคิดว่า
ฉันได้ทำบุญให้กับสุนัขหิวโซมันกินก็แล้วกัน...” ว่าจบนิดาก็ดันร่างใหญ่ออกห่าง
แต่น่านพยัคฆ์มีหรือจะยอมแพ้ เขากลับโอบรัดร่างหอมเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระไปไหน
“หนูนิ!...ทำไมถึงพูดให้ร้ายตัวเองอย่างนั้นล่ะ
หนูนิจะสมสู่กับสุนัขได้ยังไงกันล่ะจ๊ะ
แล้วที่สำคัญเลยนะทูนหัวจ๋า...หนูนิไม่เคยเป็นของใคร
เพราะหนูนิเกิดมาเป็นของพี่คนนี้คนเดียวเท่านั้น โปรดจำเอาไว้ด้วยเช่นกัน...”
น่านพยัคฆ์เมื่อได้ฟังคำพูดของหญิงสาว เขาก็โมโหขึ้นมาทันที
มีอย่างที่ไหนเอาสามีตัวเองไปเปรียบกับหมาหิวโซได้ เขามันเสือไม่ใช่หมาเสียหน่อย
และไม่ว่าจะครั้งแรกหรือครั้งสองผู้ชายคนนั้นมันก็คือเขา และครั้งต่อๆไป
ก็ต้องเป็นเขาคนเดียวด้วยเช่นกัน ร่างกายและหัวใจดวงนี้เป็นของเขา
เรื่องอะไรเขาจะยอมยกให้ใคร ข้ามศพเขาไปก่อนเถอะ...
“คุณไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของฉัน...”
“อย่ามาทำตัวก๋ากั๋นกับพี่นะหนูนิ...แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน”
น่านพยัคฆ์ข่มขู่ เขาโกรธจนลมออกหู
แต่ก็ต้องหักห้ามอารมณ์ร้ายของตัวเองเอาไว้ บทเรียนเมื่อเช้าทำให้เขาต้องคอยย้ำเตือนกับตัวเอง
สิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดและทุกข์ใจนั้นก็คือหยดน้ำตาของแม่เมียตัวหอมของเขา
และเขาก็ไม่อยากให้เธอต้องร้องไห้ให้หัวใจของตัวเองต้องรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีก
ดังนั้น เขาต้องใจเย็นกับเรื่องนี้ให้มากๆ...
“ฉันไม่ได้ก๋ากั๋น
แต่ฉันพูดเรื่องจริง คุณมันก็แค่ทางผ่านของฉัน
ไม่ได้มีคุณค่าให้จดจำเลยสักนิดเดียว ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จะเป็นคนหรือเป็นหมาฉันก็ไม่เคยจำเอามาหนักสมอง...”
นิดาประชดประชันออกไป อยากให้เขาได้รู้สึกเจ็บเหมือนที่เธอเองรู้สึก
“ปากคอเราะร้ายไม่ใช่เล่นเลยนะหนูนิของผัวจ๋าเนี่ย...”
ท้ายประโยคน่านพยัคฆ์กระแทกเสียงตอกย้ำให้หญิงสาวได้สำนึก
กล้าดียังไงมาปฏิเสธไม่ยอมรับเขาเป็นสามี
เธอจะทำร้ายหัวใจของเขามากเกินไปแล้วนะ...
“นี่แน่ะ...นี่...นี่...นี่...”
กำปั้นน้อยของนิดาจึงกระหน่ำทุบลงบนหน้าอกแกร่งเสียงดังตุบตับโดยไม่กลัวมือตัวเองเจ็บ
เมื่อเขายังมาอ้างความเป็นผัวเมียกับเธอไม่เลิกลาเสียที
“ก็บอกว่าเราสองคนไม่ใช่ผัวเมียกันไง...คนปากเสีย”
“ชอบนักหรือไงให้ผู้ชายเขากินฟรีนะ
ถ้าชอบนัก นั่นก็มานี้เลย พี่หิว อยากกินของฟรีจากหนูนิขึ้นมาเสียแล้วสิ...”
น่านพยัคฆ์รวบข้อมือน้อยมากำไว้ในอุ้งมือใหญ่ของตัวเอง
เขาไม่ได้เจ็บแต่กลัวเธอจะเจ็บมือเอา
“ไม่นะ!
ปล่อยเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ให้คุณกินฟรีอีกแล้ว ฉันจะกลับกรุงเทพฯ และจะไปวันนี้ด้วย
เอากระเป๋าของฉันคืนมา คืนมาเดี๋ยวนี้เลย...” นิดาแผดเสียงใส่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
ร่างน้อยดิ้นรนพยายามแกะข้อมือของตัวเองออกจากอุ้งมือใหญ่แต่เหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก
“ไม่คืน
และก็ไม่ให้กลับด้วย ทำไม...ฟังอะไรเข้าใจยากนักฮะแม่หนูนิคนใจบุญ” ใบหน้าคมคายเลิกคิ้วขึ้นล้อเลียน
“ ก็ไหนบอกจะให้กินฟรียังไงล่ะ
งั้นก็มานี่เลย พี่หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้วตอนนี้ ถ้าอยากทำบุญนัก
ก็มาทำกับพี่พยัคฆ์คนนี้จะดีกว่า ได้บุญแถมยังได้กุศลเยอะด้วย...” น่านพยัคฆ์ไม่ยอมแพ้ทั้งฉุดทั้งลากร่างบางไปยังตัวบ้านไม้ของตัวเอง
“ไม่...ก็บอกว่าจะกลับกรุงเทพฯไง
คุณนั่นแหละที่ฟังเข้าใจยาก ไอ้คนใจร้าย ฉันไม่ให้คุณทำบ้าๆกับฉันอีกแล้ว
ปล่อยสิ...ปล่อย...” ร่างสองร่างฉุดกระชากลากถูกันไปตลอดเส้นทาง
สร้างความตกใจให้กับคนงานในไร่ที่พบเห็นอยู่ไม่น้อย
แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วย
ได้แต่เดินหลบทางให้เจ้านายกับนายหญิงเล่นฉุดกระชากลากถูกันไปเรื่อยๆ
ถึงจะตกใจกับการกระทำของนายรัก แต่ดูๆแล้วการกระทำของนายรักก็น่ารักไปอีกแบบ
อยากมีเมียแต่เอาใจเมียไม่เป็น ต่างคนก็ได้แต่ส่ายหน้า เอาไว้ถ้าเปิดวงเหล้าวันไหน
คงต้องจับเจ้านายมาอบรมวิชา ทำยังไงให้เมียรักเมียหลงเสียแล้วล่ะมั้ง...
*************************