ตอน...สัญญาฉบับรัก
![]() |
|
“คุณลุงนี่ร่างกายฟื้นตัวเร็วมากเลยนะครับ
ผมว่าอีกไม่น่าเกินสองเดือน
คุณลุงจะต้องลุกขึ้นมาเดินป้อได้แล้วล่ะครับเนี่ย
ยิ่งขยันทำกายภาพบำบัดบ่อยๆ อย่างคุณลุงก็ยิ่งกลับมาเดินได้เร็วขึ้นครับ...” คุณหมอประจำตัวเอ่ยปากชมเปราะ
เมื่อเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นของเจ้าของไร่ราชพยัคฆ์
ซึ่งมีศักดิ์เป็นบิดาของเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั้งสมัยมัธยมต้นกับมัธยมปลาย
แต่ต้องแยกย้ายกันไปเรียน ก็ตอนเมื่อพวกเข้ามหาวิทยาลัยกันนั่นแหละ...
“ขอบใจมากนะหมอสัน
ลุงก็ดีใจที่จะได้กลับไปเดินได้อีกครั้ง นั่งๆนอนๆแบบนี้ ไม่ไหวเลยจริงๆ
เหมือนคนไร้ประโยชน์ยังไงก็บอกไม่ถูก
เมื่อก่อนเคยไปนั่นไปนี่ยังพอช่วยงานในไร่ให้พยัคฆ์มันได้บ้าง
พอมานอนอยู่แต่กับบ้านแบบนี้ ลุงอยากจะบ้าตายเสียวันละหลายๆหน
บางทีก็เผลอใส่อารมณ์กับพวกเด็กๆก็ยังมีเลยหมอ...” น่านสิงห์ระบายยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าเมื่อได้ยินว่าตัวเองจะลุกเดินได้เร็วๆนี้ก็อดดีใจไม่ได้
คนเคยลุกเดินไปไหนมาไหนได้คล่องแคล่ว พอมานอนแบ๊บไม่ต่างจากคนพิการ
มันก็อดเบื่อหน่ายขึ้นมาไม่ได้
“เป็นเรื่องปกติครับคุณลุง...”
หมอสันติเอ่ยยิ้มๆให้กับบิดาของเพื่อน
“ลุงต้องขอบใจทั้งหมอสันกับหนูโฉมมากๆเลยนะ
ลำบากหนูโฉมแย่เลยที่ต้องมาคอยดูแลคนแก่พิการอย่างลุงแบบนี้...” นายใหญ่ของไร่หันใบหน้าวัยใกล้เจ็ดสิบไปทางหญิงสาวเป็นการขอบใจ
ถึงจะรู้ถึงจุดประสงค์หลักของหญิงสาวว่าความจริงแล้วโฉมฉายต้องการอะไร
แต่ในหน้าที่พยาบาล หญิงสาวก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมไม่มีตกบกพร่องแต่อย่างใดให้ต้องตำหนิกันให้ขุ่นเคืองใจ
เมื่อหญิงสาวได้รับคำชมจากบิดาของชายหนุ่มที่ตัวเองหมายปอง
โฉมฉายจึงเปิดปากยิ้มรับด้วยความดีอกดีใจมากเป็นพิเศษ ...
“โฉมเต็มใจค่ะคุณลุง
ไม่ได้ลำบากอะไรเลยด้วยซ้ำ ยังไงคุณลุงก็เปรียบเสมือนญาติของโฉมคนหนึ่งเหมือนกัน
โฉมถือว่ามาดูแลญาติของตัวเองน่ะคะ เลยไม่ค่อยเหนื่อยอะไรมาก...” โฉมฉายได้ที่รีบจีบปากจีบคอเพิ่มคะแนนให้กับตัวเอง
แต่ภายในใจก็อดเสียดายไม่ได้ ถ้าหากน่านสิงห์หายดี เธอก็อดมาไร่นี้ทุกวันนะสิ
เพราะถือว่าหน้าที่ของเธอได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
แล้วเธอจะหาเรื่องมาพบน่านพยัคฆ์ได้บ่อยๆยังไงกันละทีนี้ คิดแล้วก็ให้เจ็บใจนัก
อยู่ดีๆก็มีหญิงสาวจากไหนก็ไม่รู้โผล่ขึ้นมาอีกคน ดูเหมือนน่านพยัคฆ์จะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเสียด้วยสิ...
เวลาของเธอก็เหลือสั้นลงทุกที
เพราะฉะนั้นเธอต้องรีบลงมือทำอะไรเข้าสักอย่างแล้ว เพื่อช่วยเบิกทางให้ตัวเองได้เข้านอกออกใน
ภายในไร่แห่งนี้ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องเป็นขี้ปากของชาวบ้าน แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้น โฉมฉายก็ยังหนักใจอยู่ไม่ใช่น้อย
เมื่อตลอดเวลาที่ผ่านๆมา
ต่อให้เธอพยายามมากมายแค่ไหน น่านพยัคฆ์ก็ยังคงเฉยชาตอบกลับมาอยู่ดี...
“แล้วนี่ไอ้เสือหายไปไหนเสียล่ะครับคุณลุง
ผมขับรถเข้ามาในไร่ ไม่ยักกะเห็นหน้ามันเลย ปกติก็ต้องเข้ามาพร้อมกับผม
หรือว่ามีงานด่วนอะไรเข้ามาวันนี้ครับ...” คุณหมอหนุ่มรูปหล่ออารมณ์ดีตามแบบวิชาชีพของตัวเองเอ่ยถามถึงเพื่อนรัก
ถึงจะไม่ได้สนิทสนมกันมากมายเพราะความที่ห่างกันไปตอนเข้ามหาวิทยาลัย
แต่เขากับน่านพยัคฆ์ก็ไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ
บางเวลาและบางโอกาสก็นัดสังสรรค์กันบ้างก็มี...
“หึ...” โฉมฉายระบายเสียงสูงเมื่อนึกถึงน่านพยัคฆ์กับแม่ผู้ช่วยของตัวเอง
“เป็นอะไรไปโฉม
ทำไมถึงทำหน้ายังกับถ่ายไม่ออกแบบนั้น พี่มียา เอาไหมพี่จะจัดให้
เราก็เป็นถึงนางพยาบาลไม่น่าจะปล่อยให้ตัวเองท้องผูกได้นะ...” หมอสันติละมือเก็บอุปกรณ์เงยหน้าขึ้นไปมอง เมื่อเห็นใบหน้าสวยบึ้งตึงกระเง้ากระงอดจนเกินงาม
ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าเอือมระอากับนิสัยนี้ของลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง
“ไม่ตลกด้วยนะพี่หมอ
วันนี้โฉมอารมณ์ไมดี...”
“อ้อ...นี่พยัคฆ์คงขัดใจอะไรมาล่ะสิท่า...” สันติไหวไหลเมื่อพอจะรู้นิสัยของโฉมฉาย
“อยู่บ้านเขานั่นแหละหมอ
เมื่อเช้าเขามาดูลุงแล้วก็กลับไป คงไม่ได้มีงานด่วนอะไร
แต่มีเรื่องด่วนสำคัญเสียมากกว่า...” น่านสิงห์เป็นคนตอบไม่ได้ถือสากับท่าทางของพยาบาลส่วนตัว
ก่อนจะเอนตัวลงนอนโดยมีมือใหญ่ของคุณหมอช่วยประคองไว้อีกแรง
“งั้นผมต้องขอตัวก่อนก็แล้วกันนะครับ
ว่าจะเลยไปหาพยัคฆ์มันเสียหน่อย มีเรื่องอยากจะคุยกับมันด้วย...” คุณหมอหนุ่มบอกกล่าวพร้อมกับขออนุญาต
“ตามสบายนะหมอ
ลุงต้องขอบใจอีกครั้ง...”
“ครับ...ผมลานะครับคุณลุง”
นายแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นไหว้บิดาของเพื่อนรักก่อนจะหิ้วกระเป๋าเครื่องมือของตัวเองเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยวสิพี่หมอ จะรีบไปไหนนักหนานะ...”
โฉมฉายที่เดินตามออกมาด้วยรีบดึงแขนของพี่ชายเอาไว้
เธอจะขอตามเขาไปด้วยเพราะอยากรู้เรื่องที่พี่ชายจะไปคุยกับน่านพยัคฆ์เหมือนกัน
“แล้วโฉมมีอะไรกับพี่อีก...”
คุณหมอสันติเมื่อหยุดเท้าตามแรงดึงของผู้เป็นน้องสาว
จึงหันร่างใหญ่ของตัวเองกลับไปมองด้วยสายตาตำหนิ
“กับพี่หมอโฉมไม่มี แต่กับพี่พยัคฆ์โฉมมี...”
“มีอะไรกับพยัคฆ์มันอีกล่ะ
เขาไม่เอาแล้วเรายังจะตามตื้อเขาอีกทำไม พี่ไม่เข้าใจเราเลยโฉมฉาย
หัดมียางเสียบ้างหน้าน่ะ พี่ละอายใจแทนเธอจริงๆบอกตามตรง...” คุณหมอหนุ่มสุดจะทนกับพฤติกรรมตามล่าผู้ชายที่เขาไม่คิดจะหันมาเหลียวแลของน้องสาวตัวเอง
“พี่หมอก็รู้ว่าโฉมทำไม่ได้
โฉมรักพี่พยัคฆ์และก็รักมานานแล้วด้วย” โฉมฉายแทบจะลมออกหู
แต่ก็ยับยั่งเอาไว้เพราะเธอต้องการใช้ให้พี่หมอช่วยพาเธอไปหาพยัคฆ์
“แต่พยัคฆ์มันไม่ได้รักเธอ” สันติต้องการย้ำให้น้องสาวยอมรับความจริงเสียบ้าง
ไม่ใช่หลับหูหลับตาตามตื้อเขาไม่เลิกแบบนี้
“แอ๊ะ!พี่หมอจะมาย้ำคำเดิมๆให้โฉมฟังทำไม
เขาไม่รักก็ช่างเขา แต่โฉมรัก
โฉมก็ต้องทำให้พี่พยัคฆ์หันมารักโฉมให้ได้สักวันนึงนั่นแหละ
ไม่เชื่อพี่หมอก็คอยดูเอาแล้วกัน โฉมจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้...”
“งั้นก็ตามใจเธอสิ
พี่ก็อยากจะเห็นวันนั้นของเธอเหมือนกัน จะดูสิว่าพยัคฆ์มันจะรักผู้หญิงอย่างเธอได้จริงๆหรือเปล่า...”
“งั้นวันนี้โฉมขอไปด้วยคนนะ...”
หญิงสาวแจ้งความประสงค์ของตัวเองให้ผู้เป็นพี่ได้รับรู้
ใบหน้านวลยิ้มประจบ ทำเป็นลืมกับคำพูดเมื่อกี้ของพี่ชาย
“จะตามมาทำไม พี่มีธุระต้องไปคุยกับพยัคฆ์
ธุระสำคัญ ไม่อยากให้คนนอกได้ยิน...” คุณหมอสันติย้ำให้ผู้เป็นน้องสาวได้รู้
เพื่อเป็นการปฏิเสธกรายๆ เขาไม่อยากให้โฉมฉายถลำตัวไปมากกว่าที่เป็น
เพราะรู้จักน่านพยัคฆ์ดี หากไม่มีใจให้ก็ไม่คิดจะให้ความหวังกับสาวคนใด
และนี่ก็เป็นสิ่งที่เขายกย่องไอ้เพื่อนคนนี้ ไม่เคยหลอกกินฟรีใคร หากไม่ก็คือไม่
สาวๆหลายคนถึงต้องพบเจอกับความผิดหวังไปตามๆกัน...
“นั่นแหละ...โฉมจะไปด้วย
เพราะโฉมเป็นน้องสาวของพี่หมอ ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย” โฉมฉายยังคงดึงดันรบเร้าจะตามไปด้วย
ก็เธออยากอยู่ใกล้ๆกับน่านพยัคฆ์นี่ ปล่อยให้ไปอยู่ใกล้กับแม่ผู้หญิงคนนั้นตั้งนานแล้ว
ไม่รู้ป่านนี้สองคนนั่นไปสานสัมพันธ์ถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้...
“พอเถอะโฉม...จบงานนี้ก็กลับบ้านเราไปซะ
อย่าทำตัวให้เขาได้มาดูถูกเราได้อีก พี่บอกตามตรงว่าอายแทนเรามาก
ทุกวันนี้พ่อกับแม่เราเขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนแล้ว
มีลูกสาวที่เอาแต่วิ่งไล่จับผู้ชายแบบเธอ...” ผู้เป็นพี่อดเตือนผู้เป็นน้องไม่ได้
เช่นนั้นแล้ว
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โฉมฉายพยายามยกตังเองเพื่อเข้าใกล้กับน่านพยัคฆ์
เขาเห็นจนชิน และก็ได้แต่คอยเตือนอยู่ห่างๆ ถึงจะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ
แต่เขาก็ไม่ต้องการจะเห็นญาติของตัวเองต้องมาเสียใจภายหลังเหมือนกัน
ในเมื่อเขารู้ผลลัพธ์ของเรื่องนี้เป็นอย่างดีว่าจะลงเอยแบบไหน
ก็คงไม่พ้นโฉมฉายต้องมาคร่ำครวญเสียน้ำตาเพราะถูกน่านพยัคฆ์ปฏิเสธซ้ำๆซากๆเหมือนครั้งที่ผ่านมา...
“พี่ขอเตือนเธอนะโฉม
ถ้าไม่ฟังกันก็จะเลิกเตือน...ตัดใจจากพยัคฆ์มันซะ
มันก็แสดงออกโต้งๆว่ามันไม่เอาเธอมาแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ใช่หรือไง
ถ้าไม่อยากเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ก็ออกมาจากชีวิตพยัคฆ์มันได้แล้ว...” ว่าจบคุณหมอผู้มีอารมณ์ดีก็สะบัดแขนออกจากการจับกุมของน้องสาว
หันหลังเดินจากมา ไม่อยากทนฟังเสียงกรีดร้องเหมือนเปรตขอส่วนบุญจากน้องสาวของตัวเอง...
*********************
นิดาแทบจะน้ำตาร่วงเผาะเมื่ออ่านสัญญาในมือจบ
เอกสารที่น่านพยัคฆ์ยัดเหยียดใส่มือเธอเพื่อให้เธออ่าน
หลังจากเขาฉุดกระชากบังคับให้เธอเข้ามายังห้องทำงานของเขาได้สำเร็จ
ตอนแรกเธอได้แต่หวาดหวั่น กลัวว่าเขาจะข่มแหงรังแกเธอเหมือนเมื่อตอนเช้านี้อีก
แต่พอได้เข้ามาถึงในห้อง เธอจึงรู้สึกเบาใจโล่งใจ เมื่อมันเป็นห้องทำงาน
ไม่ใช่ห้องนอนอย่างที่ใจเธอหวาดกลัวไว้แต่แรก
แต่ก็ไม่พ้นโดนเขาเอาเปรียบเล็กๆน้อยๆโดยการถูกเขาหอมแก้มซ้ายแก้มขวาให้ได้เจ็บใจอีกเช่นเคย...
น่านพยัคฆ์พูดถูก
เขามีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตและลมหายใจ
ในฐานะเจ้าหนี้รายสำคัญของวนาสินธ์ เธอไม่คิดเลยว่าจะมาเจอจุดใต้ตำตอเข้าให้เช่นนี้ได้
ยิ่งหนีกลับยิ่งได้พบเจอ
ดูๆแล้วมันก็มีค่าไม่ต่างกับที่เธอวิ่งมาติดกรงดักของเขาเสียเอง...
“คุณรู้เรื่องนี้แต่แรกแล้ว
ว่าฉันเป็นใคร...” นิดาละใบหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยสายตาตัดพ้อ
เธอรู้สึกน้อยใจน่านพยัคฆ์ ทั้งหมดที่เขาทำกับเธอ
นั่นเป็นเพราะเขารู้มาแต่แรกแล้วว่า
ถึงยังไงซะเธอก็ต้องถูกใส่พานเพื่อมาถวายขัดดอกใช้หนี้ให้กับเขาอยู่แล้ว
เขาจะทำอะไรกับเธอยังไงก็ได้ ยังไงเสียเธอก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ
ไม่จำเป็นต้องแคร์หรือให้เกียรติกัน
เพราะเธอมีสถานะเป็นเพียงลูกหนี้ของเขาเพียงแค่นั้น
สถานะที่เธอไม่ได้ต้องการจะเป็นมันเลย...
“รู้สิ
ถ้าไม่รู้แล้วพี่จะลงไปเอาตัวหนูนิมาทำไม...” น่านพยัคฆ์ตอบรับเสียงเคร่ง
“แล้วทำไมคุณถึงไม่บอกกับฉันแต่แรกว่าคุณเป็นเจ้าหนี้ที่ยื่นข้อเสนอบ้าๆนั้นกับคุณลุงชาติชาย
ทำไมคุณถึงว่าจ้างให้ฉันมาเป็นคนคอยดูแลพ่อของคุณแทนเสียล่ะ
หรือคุณยังสนุกกับการปั่นหัวฉันไม่พอ
ยังอยากจะเล่นสนุกโดยการว่าจ้างให้ฉันมาเป็นทาสในไร่ของคุณอีกอย่างงั้นเหรอคะ...”
นิดาต้องฝืนข่มไม่ให้เสียงที่เปล่งออกไปสั่นเทา เธออยากจะปฏิเสธ
ไม่รับข้อเสนอบ้าๆนี้ แต่เมื่อหวนนึกถึงข้าวแดงแกงร้อน
ที่คุณลุงชาติชายได้เลี้ยงดูเธอมา ตั้งแต่เธอขาดเสาหลักทั้งสองท่านไป
เธอจึงไม่อาจปฏิเสธออกไปอยากที่ใจปารถนาได้
“หนูนิคิดว่านี่เป็นความคิดของฉันแต่แรกงั้นเหรอ...”
น่านพยัคฆ์ทอดเสียงต่ำถาม
“แล้วไอ้สัญญาที่เธอว่ามันบ้านั่น
มันก็เป็นความคิดของพ่อฉันเพียงคนเดียว
ใช่ว่าฉันจะมีความเห็นตรงกับพ่อเสียเมื่อไหร่ล่ะ...” ร่างใหญ่ยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางสบายๆก่อนจะพิงร่างลงไปกับพนักเก้าอี้ทำงาน
สายตาสีสนิมเหล็กจับจ้องมองใบหน้าหวานเขม็ง
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
เขาก็ไม่คิดจะปิดบังอะไรนิดาอีกต่อไป
และนี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่เขาจะใช้มันฉุดรั้งไม่ให้นิดาหนีเขาออกไปจากไร่แห่งนี้ได้อีก เขาเชื่อ
นิดาไม่มีทางปฏิเสธสัญญาฉบับนี้ได้แน่
หากเธอเป็นคนกตัญญูพอ คงไม่ปล่อยให้ครอบครัวที่ให้การเลี้ยงดูเธอมาต้องตกระกำลำบากหากว่าถูกเขายึดทรัพย์สิน
เขาเองก็พอจะดูนิสัยในด้านนี้ของหญิงสาวออกอยู่เหมือนกัน
เธอเป็นคนหัวอ่อน ขี้สงสาร และสำคัญไปกว่านั้น
เขาต้องการนิดาเพียงคนเดียวหากเป็นสุดาพรรณเขาก็ไม่เอา...
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ปฏิเสธพ่อคุณไป
ถ้าคุณไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรก
เท่าที่ฉันเห็นคุณตอบโต้กับพ่อของคุณเมื่อสักครู่
ฉันก็ไม่เห็นว่าคุณจะกลัวอะไรท่านนักหนาเลยนี่คะ...” นิดาถามขึ้นด้วยความรู้สึกปลาบแปล๊บตรงหัวใจ
ถ้าเขาไม่เห็นด้วยเพราะกลัวจะมีเมียต่ำต้อยเช่นเธอ ทำไมเขาถึงไม่ปฏิเสธพ่อของเขาไปตั้งแต่ทีแรก
เขาปล่อยให้เรื่องราวมันเลยเถิดบานปลายมาเช่นนี้ทำไม
หรือเขาต้องการแค่หาที่ระบายความใคร่ เลยไม่คิดจะปฏิเสธเธอตั้งแต่ทีแรกกันนะ...
หึ...เธอคงเป็นได้แค่ที่ระบายความอยากยามเขาต้องการปลดปล่อยสินะ
เรื่องอะไรเขาต้องลดตัวมายกย่องเชิดชูผู้หญิงที่มีแต่ตัวไร้ซึ่งศักดินาเช่นเธอกันด้วยเล่า
นี่เธอยังจะกล้าหวังลมๆแล้งๆให้เขามาเชิดชูผู้หญิงที่มีแต่ตัวเช่นเธอ
ออกหน้าออกตาอีกอย่างงั้นเหรอนิดา มันเป็นความคิดที่บ้าบอสิ้นดี มองดูก็รู้
เขาไม่ได้ต้องการจะแต่งงานกับเธอมาตั้งแต่ทีแรกแล้วนี่นา...
“แล้วคิดหรือว่าคนอย่างพี่จะยอมลงให้ใครง่ายๆ
แต่พ่อไม่ฟังพี่ต่างหากล่ะ...” น่านพยัคฆ์ย้อนเสียงเข้มเป็นการกลบเกลื่อนความอายเสียมากกว่า
จะให้นิดารู้ได้ยังไง
ก็เพราะเขาเห็นรูปถ่ายของเธอในลิ้นชักโต๊ะทำงานของพ่อเขา จึงทำให้เขาเปลี่ยนใจ
วิ่งแล่นลงไปหาเธอถึงกรุงเทพฯ
ใช่...เขายอมรับ
ในช่วงเวลานั้นเขาไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดบ้าๆนี้ของพ่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ
จำได้ว่าเขาพึ่งสั่งเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์รุ่นใหม่เข้าบ้านแทนของเก่าที่เขาอาละวาดเสียพังย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี...
“หรือคะ...” นิดาหลุดเสียงว่าเข้าใจใบหน้างามก้มลงมองมือตัวเอง
เมื่อกระแสบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น
เธอรู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของชายหนุ่ม
นิดาต้องกัดริมฝีปากบังคับความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้
เมื่อเธอรับรู้...น่านพยัคฆ์เองก็มีความคิด ไม่ได้ต้องการอยากจะแต่งงานกับเธอเหมือนกัน
เธอเองก็ไม่ได้นึกแปลกใจอะไรมากมายนักหรอก เธอมีฐานะเป็นเพียงสาวใช้ในบ้านวนาสินธ์
ใช่จะมีฐานะเท่าเทียมกันกับเขาเสียเมื่อไหร่ หากที่ทำให้เธอนึกแปลกใจยิ่งกว่า
ทำไมสัญญาฉบับนี้ ถึงไม่ระบุให้น่านพยัคฆ์แต่งงานกับสุดาพรรณกันเล่า
เพราะถึงยังไงสองคนนี้ก็มีฐานะทางสังคมทัดเทียมกันมากกว่าเธออยู่หลายร้อยหลายพันเท่านัก...
“ถ้าเปลี่ยนเป็นคุณสุดาพรรณ
คุณคงจะยอมรับได้มากกว่าสินะคะ” นิดาบีบมือตัวเองเพื่อคอยเตือนสติไม่ให้คิดกับเขาให้มากไปกว่านี้
“กับใครฉันก็ไม่แต่งทั้งนั้นแหละ...ไม่ว่าจะเป็นหนูนิ
หรือสุดาพรรณ...”
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดคำพูดของน่านพยัคฆ์
เขาเพียงต้องการอธิบายให้นิดาได้เข้าใจมากขึ้น...
ตอนนั้น...ไม่ว่าพ่อเขาจะบังคับให้แต่งงานกับใครเขาก็ไม่ต้องการจะแต่งงานด้วยทั้งนั้นแหละ
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ใจของเขามันไม่ได้คิดปฏิเสธพ่อเหมือนแต่ก่อนนี้อีกแล้ว
เขาเต็มใจยิ่งกว่าเต็มใจที่จะแต่งงานตามใจทั้งพ่อและตามใจตัวเขาเองอีกด้วย
ในเมื่อเจ้าสาวที่กลายเป็นภรรยาของเขาอย่างสมบูรณ์
เป็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้และต้องเป็นเธอคนนี้คนเดียวเท่านั้นด้วยเขาถึงจะยอมแต่ง...
“ว่าไงไอ้เสือร้าย...อ้าว...นี่เราเข้ามารบกวนอะไรนายหรือเปล่าวะถ้านายมีแขกงั้นเรารอข้างนอกก่อนก็ได้นะ..”
คุณหมอหนุ่มรูปหล่อ
ชะงักเท้านิดหนึ่งเมื่อเขาเปิดประตูห้องทำงานของเพื่อนเข้ามา
ก็เห็นเพื่อนของเขากำลังมีแขกนั่งอยู่ในห้องด้วยอีกคน
“เข้ามาเถอะหมอ
คนนี้ไม่ใช่แขก...” น่านพยัคฆ์โบกมือเรียกเพื่อนให้เข้ามา
“ว่าแต่นายมีอะไรหรือเปล่าไอ้หมอ
หรือว่าพ่อเราเป็นอะไรขึ้นมาอีก...” น่านพยัคฆ์ถึงกับร้อนรนขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงบิดา
หรืออาการของท่านไม่ดีขึ้นตามสายตาที่เขาเห็น
แต่ดูเหมือนท่านก็ปกติดีทุกอย่างแล้วไม่ใช่หรือไง
“เปล่าๆ
พ่อสิงห์อาการดีขึ้นมากแล้ว นายไม่ต้องกังวลอะไรไปหรอกนะ แต่ว่า...” คุณหมอสันติถึงกับตะลึงงันเมื่อเขานั่งลงใกล้ๆกับร่างบอบบาง
แต่กลิ่นหอมของเจ้าหล่อนดึงดูดเขาให้หันใบหน้าไปมอง เพียงแค่หันไปมอง
โลกทั้งโลกของเขาก็แทบหยุดหมุนแบบฉับพลันทันด่วน...
“นางฟ้า!...” คุณหมอผู้มีอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจต้องยกนิ้วมือขึ้นขยี้ตาตัวเอง เมื่อเห็นหญิงสาวด้านข้างมีความงดงามไม่ต่างจากนางฟ้าเลยแม้แต่น้อยหรือจะพูดให้ถูก
เธอผู้นี้สวยกว่านางฟ้าเสียด้วยซ้ำไป
พอเห็นเพื่อนมีปฏิกิริยาแปลกไป
ยามเมื่อได้ยนโฉมของเมียรัก น่านพยัคฆ์ก็หน้าตึงขึ้นมา ปากหยักหนาต้องร้องลั่น
เป็นการกั้นกลาง ไม่ให้ไอ้หมอเพื่อนรักมันคิดอะไรเกินเลยกับแม่เมียขัดดอกของเขา...
“เฮ้ย!ไอ้หมอสัน...นี่มันคนโว้ยไม่ใช่นางฟ้า
ให้มันน้อยๆหน่อยวะเพื่อน...” น่านพยัคฆ์ถึงกับหน้าตึงขึ้นมา
รู้สึกหงุดหงิดตรงหัวใจแปลกๆ เมื่อเพื่อนของเขากำลังใช้สายตาตี๋ๆของมัน
สำรวจมองแม่เมียตัวหอมของเขาด้วยสายตาหวานหยดย้อย ผู้ชายด้วยกันมันดูกันออก
ไอ้หมอสันติมันคิดจะตีท้ายครัวบ้านเขาเสียให้แล้วไหมล่ะ...
“สวัสดีครับนางฟ้า
ผมชื่อสันตินะครับ
เป็นเพื่อนกับไอ้เสือหน้าโหดนี้และก็เป็นหมอประจำตัวของคุณลุงน่านสิงห์ด้วยครับ
ยินดีที่ได้รู้จักคุณเอ่อ...”
“สวัสดีค่ะ...นิดาค่ะ
จะเรียกว่านิก็ได้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ...” นิดายกมือขึ้นพนมไหว้สวยงาม
ส่งยิ้มรับไมตรีจากคุณหมอหนุ่ม
เชิดใบหน้าขึ้นท้าทายสายตาดุๆของคนตรงหน้าอย่างไม่กลังเกรง
“ไอ้หมอสัน...” น่านพยัคฆ์ส่งเสียงเข้มเรียกเพื่อนรัก เมื่อเขาปรามแม่เมียตัวหอมไม่สำเร็จ
เขาเลยต้องหันมาจัดการกับไอ้คนจะตีท้ายครัวบ้ายของเขาแทน
“อะไรของนายนักหนาวะไอ้พยัคฆ์ นายไม่เห็นหรือไงว่าคนเขากำลังคุยกัน
นั่งหุบปากไปสักครู่ก่อน ขอเราทำความรู้จักกับนางฟ้าแป๊บนึง...” หมอสันติเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
เขาหันหน้าไปยังไอ้เพื่อนรักพร้อมกับส่งสายตาว่าเขารำคาญไปให้
ผู้หญิงอะไรสวยเป็นบ้า
เพียงแค่เห็นแวบแรก ใจมันบอกเลย ว่าเธอคนนี้แหละคือคนที่เขารอคอยมาแสนนาน...
“ให้มันน้อยๆหน่อยนะไอ้หมอ
คนนี้กูห้าม...” ปกติน่านพยัคฆ์จะไม่พูดจาห่ามๆกับหมอสัน
เพราะไม่ได้สนิทเหมือนกับ พีรยุทธ์หรือวรสิทธิ์ และถือว่ามีอาชีพเป็นถึงคุณหมอ
เขาจึงพูดจาสุภาพตอบไปเสมอ แต่นี่มันกำลังจะมาตีท้ายครัวบ้านเขา
คงจะสุภาพกับมันต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
น่านพยัคฆ์จึงหลุดคำหยาบเมื่อใจเขารู้สึกหึงหวงขึ้นมาอย่างลืมตัว...
“ทำไมถึงไม่ได้
หรือว่าคนนี่จะเป็น...”
“เป็นคนของไร่กูเอง...”
“งั้นก็จีบได้...”
สันติอยากยั่วอารมณ์เพื่อน
ถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าสาวงามคนนี้เป็นใครมาจากไหน
แต่ก็ขอจองเอาไว้ก่อนก็แล้วกันนะ
“อย่ามาหน้าหม้อกับคนของไร่ข้า
ไม่งั้นข้าจะไปพังโรงพยาบาลของพ่อเอ็ง...” น่านพยัคฆ์กัดฟันขู่
เมื่อนิดาทำเชิดหน้าไม่สนใจเขา เอาแต่ส่งยิ้มไปให้ไอ้หมอหน้าตี๋
จนต่อมอาการหึงหวงของเขามันกำเริบมากขึ้นทุกที
จนอยากจะลุกขึ้นแตะปากไอ้หมอสักปาบให้หายหมั่นไส้
“ก็เอาสิ...เราไม่ห้าม
อยากพังก็ไปพังเลย เพราะนั่นเป็นโรงพยาบาลพ่อ ไม่ใช่ของเราสักหน่อย...”
“ไอ้นี่มันวอนซะแล้ว...” น่านพยัคฆ์ฮึกฮัดขัดใจ
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งเห็นแม่เมียตัวน้อยเอาแต่หันไปพูดคุยกับไอ้หมอสัน
ใจเขาก็ยิ่งเดือดปุดๆขึ้นมาทุกที
“ว่าแต่คุณนิมาทำงานในไร่นายพยัคฆ์นี่นานหรือยังครับ
ผมไม่เคยเห็นคุณเลย มาที่นี่ก็ตั้งหลายครั้งแล้ว แปลกจริง
ทำไมถึงไม่เห็นคุณนิเลย...” คุณหมออารมณ์ดีไม่ได้สนใจจะฟังเพื่อนเลยสักคำเดียว
เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาสานสัมพันธวไมตรีกับหญิงสาวต่อไปเรื่อยๆ
ผู้หญิงอะไรถูกใจเขาเป็นบ้า...
“เอ่อคือว่านิ...”
นิดากำลังจะพูดว่าเธอพึ่งมาทำงานในไร่แต่ก็โดนน่านพยัคฆ์ชิงพูดตัดหน้าขึ้นเสียก่อน
“เราพึ่งรับหนูนิมาทำงาน
ว่าจะให้ไปดูแลพ่อแทนโฉมฉาย นายคงไม่ว่าอะไรนะ
ถ้าเราจะให้หนูนิทำหน้าที่แทนน้องสาวของนาย...” เมื่อดึงสติตัวเองกลับมาได้พอสมควร
น่านพยัคฆ์จึงลดคำหยาบเวลาคุยกับเพื่อน ก่อนจะบอกถึงจุดประสงค์ของตัวเองออกไปให้เพื่อนได้รับรู้เสียเลย
เขาเองก็รู้สึกรำคาญโฉมฉายอยู่มากเหมือนกัน
เธอชอบมาตามตื้อเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทั้งๆที่เขาก็แสดงออกอย่างชัดเจน
เขาคิดกับเธอได้เพียงแค่น้องสาว ไม่อาจคิดไปเป็นอย่างอื่นได้
“เราจะไปว่าอะไรนายได้ล่ะ
เอาเป็นว่าเราเข้าใจนายดีก็แล้วกันนะ แต่ก็ ต้องขอโทษนายอยู่เหมือนกัน
ถ้าน้องสาวเรามาทำอะไรให้นายเดือดเนื้อร้อนใจ นายก็รู้ว่าเราขัดคุณป้าได้เสียที่ไหน
ก็เลยจำใจต้องส่งยายโฉมมาดูแลคุณลุงสิงห์แทนนางพยาบาลคนอื่น...” คุณหมอสันติพยักหน้าเข้าใจ เขาเองก็อยากให้โฉมฉายอยู่ไกลๆกับน่านพยัคฆ์
เขากลัวน่านพยัคฆ์จะรำคาญเอาได้
เพราะเขาเองก็รู้จักนิสัยใจคอของน้องสาวตัวเองว่ามีนิสัยเอาแต่ใจเช่นไร
นิดาไม่ได้พูดอะไร
ได้แต่แอบน้อยใจอยู่ลึกๆ น่านพยัคฆ์คงไม่อยากให้ใครรู้
แท้ที่จริงแล้วเธอมาที่ไร่นี้ในฐานะอะไรกันแน่...
“เออ...วันนี้เราเอาบัตรเลี้ยงรุ่นมาให้
พอดีเจอกับอาจารย์มนัสเมื่อวันก่อนที่โรงพยาบาล ท่านเลยฝากมาให้แกด้วยนะ...”
เมื่อนึกขึ้นได้คุณหมอสันติจึงล่วงมือไปหยิบการ์ดเชิญยื่นส่งไปให้น่านพยัคฆ์สามใบ
“ส่วนอีกสองใบเราฝากนายเอาไปให้นายพีกับนายสิทธิ์มันด้วยก็แล้วกัน
ช่วงนี้คนไข้เยอะเหลือเกิน กลัวจะเอาไปให้สองคนมันไม่ทันงาน...”
“อืม...ได้สิ
เดี๋ยวจะโทรไปบอกไอ้สิทธิ์มันไว้ก่อน รายนั้นงานมันชอบรัดตัวถ้าว่างมันก็ไม่ฮันนีมูลกับเมียมันตลอด
ต้องจองตัวมันเอาไว้ก่อนล่วงหน้าหลายๆวัน”
“ปีนี้นายต้องไปให้ได้เลยนะห้ามเบี้ยวอีกเด็ดขาด
เพราะอาจารย์มนัสแกจะปลดเกษียนปีนี้แล้ว
เพื่อนๆทุกคนเลยอยากให้ปีนี้พวกเราไปรวมตัวกันให้ครบหมดทุกคนโดยเฉพาะนายไอ้ตัวปัญหาประจำห้อง
ห้ามพลาดเด็ดขาด...”
เมื่อนึกย้อนไปตอนเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลาย
ก็ทำให้สองหนุ่มหลุดยิ้มออกมาทุกที
เพราะแต่ละคนล้วนเป็นตัวแสบๆประจำโรงเรียนกันใช่ย่อย
แบบไม่มีใครน้อยหน้าใครเลยสักคนเดียว
โดยเฉพาะน่านพยัคฆ์ที่มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนต่างโรงเรียนไม่เว้นแต่ละวัน
จนอาจารย์มนัสอาจารย์ฝ่ายปกครองต้องหัวหมุนคอยวิ่งเคลียร์วีรกรรมของลูกศิษย์ลิงทโมนแทบจะทุกวี่ทุกวันก็ว่าได้...
“เออ...รับรองปีนี้เราไม่พลาดแน่
ว่าแต่นายเถอะ ปีนี้จะควงใครไปงานอีกวะ ได้ข่าวว่าคนควงไม่ซ้ำหน้าเลยนี่หว่า... ”
น่านพยัคฆ์จงใจพูดตัดคะแนนเพื่อนตัวแสบให้นิดาได้ยิน
“คิดว่าจะขอยืมสาวงามแถวๆไร่นายนี่ล่ะ
ควงไป...” คุณหมอสันติหันไปหาหญิงสาวข้างกาย
ไม่ได้เต้นไปตามคำใส่ร้ายของเพื่อนรัก เมื่อพอจะมองกันออก
ไอ้หมอนี้มันกำลังหวงก้างเอาไว้กินเสียเองล่ะสิไม่ว่า
ก็นิดาเล่นสวยไม่ต่างกับนางฟ้าเสียอย่างเนี่ย ใครเห็นใครก็ต้องชอบเป็นเรื่องธรรมดา...
“คาดว่าจะไม่ได้
เพราะคนนี้ต้องอยู่เฝ้าพ่อสิงห์ เราไม่อนุญาตให้ไปไหนมาไหนตามอำเภอใจ...” น่านพยัคฆ์คัดค้านเสียงแข็ง
“น่าเสียดายจัง...แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปขอกับพ่อของนายแทนก็ได้
ไม่เห็นจะยากเลย จริงไหมครับคุณนิ...”
“เอ่อ...ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"
นิดาปฏิเสธกรายๆ
“ว่าแต่เช้านี้มีอะไรเลี้ยงเราบ้างวะ
รู้สึกท้องไส้มันร้องประท้วงยังไงแล้วก็ไม่รู้สิ
นี่เราอุตส่าห์หิ้วท้องมาขอข้าวนายกินสักมื้อเลยนะเนี่ยไอ้คุณพยัคฆ์...”
“กับข้าวเยอะแยะนายจะกินไรล่ะ...
สายบัวคงตั้งโต๊ะรอแล้วล่ะป่านนี้ งั้นก็ตามเรามา หิวอยู่เหมือนกัน มัวแต่ตามหา...” ปรายหางตาน่านพยัคฆ์จงใจมองไปยังร่างที่เอาแต่นั่งนิ่งสงบเป็นการสื่อบอก
“งั้นก็ไปกันเถอะ...”
น่านพยัคฆ์ขยับร่างใหญ่ลุกขึ้น พยักหน้าให้เพื่อนลุกตาม
ก่อนจะก้าวขาฉวยเอาข้อมือน้อยดึงขึ้นให้เดินตามเขาออกไป น่านพยัคฆ์ไม่ยอมให้นิดาเดินตามหลังเขาหรอก
ประเดี๋ยวจะได้เข้าทางไอ้เพื่อนทรยศซะได้ เมียใครใครก็หวงเป็นธรรมดา...
คุณหมอสันก็มองตามข้อมือน้อยตาปริบๆ
รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับท่าทางดูคล้ายๆกับหวงก้างของไอ้เพื่อนคนนี้ยังไงไม่รู้
แต่ก็เอาเหอะ เรื่องแบบนี้ใครดีใครได้ล่ะวะ...
**************************